ชื่อเรื่อง การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อพัฒนาตนเองตามสมรรถนะ
โดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ PLC ( Professional
Learning Community )
ชื่อผู้วิจัย กชกร ยอดเมือง
หน่วยงาน โรงเรียนบ้านแม่ตาวใต้
ปีที่พิมพ์ 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาองค์ประกอบการพัฒนาสมรรถนะหลักครูด้านการพัฒนาตนเอง ศึกษาลักษณะและพฤติกรรมสมรรถนะประจำสายงานครูด้านภาวะผู้นำ สร้างคู่มือการพัฒนาภาวะผู้นำสมรรถนะหลักครูด้านการพัฒนาตนเอง เพื่อทดลองเครื่องมือมุ่งเน้นการพัฒนาตนเองตามกระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) โดยได้กำหนดวิธีดำเนินการวิจัยเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบการพัฒนาสมรรถนะหลักครูด้านการพัฒนาตนเอง จากแหล่งข้อมูล 2 แหล่ง คือ 1) จากเอกสารงานวิจัย 2) จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นครูสอนดีที่ผ่านการประเมินตามเกณฑ์การประเมินของคุรุสภา จำนวน 80 คน ที่ได้มาโดย การเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling ) โดยใช้แบบสอบถามแบบประมาณค่า 5 ระดับที่มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.74 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 2 สร้างและพัฒนาคู่มือการพัฒนาสมรรถนะหลักครูด้านการพัฒนาตนเอง ตรวจสอบความถูกต้องและยืนยันคู่มือตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง ความเป็นไปได้ และความเหมาะสมของคู่มือโดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน ระยะที่ 3 การทดลองใช้คู่มือการพัฒนาสมรรถนะหลักครูด้านการพัฒนาตนเอง โดยเลือกครูสอนดีเป็นกลุ่มตัวอย่าง ที่ต้องการพัฒนา จำนวน 30 คน โดยการประเมินก่อนและหลังการพัฒนา
ผลการวิจัยพบว่า
1. องค์ประกอบการพัฒนาสมรรถนะด้านการพัฒนาตนเอง ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ 1) การศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ติดตามองค์ความรู้ใหม่ๆ ทางวิชาการและวิชาชีพ 2) การสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมในการพัฒนาองค์กรและวิชาชีพ 3) การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่าย
2. ลักษณะและพฤติกรรมของครูในสถานศึกษาการพัฒนาสมรรถนะด้านการพัฒนาตนเอง พบว่า ครูส่วนมากเป็นเพศหญิง ( ร้อยละ 75) วุฒิทางการศึกษาระดับปริญญาตรี (ร้อยละ 81) ประสบการณ์ในตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมากกว่า 10 ปี (ร้อยละ 83) และอยู่ในสถานศึกษาขนาดกลางมีนักเรียนระหว่าง 121 300 คน (ร้อยละ 84 ) ลักษณะและพฤติกรรมครูในสถานศึกษาการพัฒนาสมรรถนะด้านการพัฒนาตนเอง พบว่า ลักษณะและพฤติกรรมครู เฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( = 4.18) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด 2 ด้าน คือ 1) การสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมในการพัฒนาองค์กรและวิชาชีพ 3) การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่าย ( = 4.67) รองลงมาคือ การศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ติดตามองค์ความรู้ใหม่ๆ ทางวิชาการและวิชาชีพ ( = 4.53) ส่วนด้าน3) การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่าย
อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.47)
3. สร้างและพัฒนาคู่มือการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อพัฒนาตนเองตามสมรรถนะ โดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ PLC ( Professional Learning Community ) ครูองค์ประกอบด้วย ความเป็นมาจุดประสงค์การพัฒนาหลักสูตรการพัฒนาครูด้านการพัฒนาตนเอง ระยะเวลาในการพัฒนาตารางพัฒนาตามหลักสูตรหลักสูตรการพัฒนาครู วิธีการพัฒนาสื่อและนวัตกรรมการพัฒนาการประเมินผลการพัฒนาโดยผ่านผู้เชี่ยวชาญ ให้การยืนยันความเหมาะสมและความเป็นไปได้
4. พัฒนาครูด้านการพัฒนาตนเอง ทั้ง 3 ระยะ การดำเนินการในขั้นกระบวนการแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ระยะก่อนปฏิบัติการ ระยะที่ 2 ระยะที่ 2 ประชุมปฏิบัติการ และระยะที่ 3 ระยะหลังปฏิบัติการ โดยการประชุมและใช้แบบสอบถามพฤติกรรมครูในสถานศึกษา ผลจากแบบสอบพบว่า หลังปฏิบัติการค่าเฉลี่ยของประเมินครูในสถานศึกษาการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อพัฒนาตนเองตามสมรรถนะ โดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ PLC ( Professional Learning Community ) สูงกว่าก่อนการเข้าพัฒนา