ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาคณิตศาสตร์ ค32101 เรื่อง ความน่าจะเป็น
ชันมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es)
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ผู้พัฒนา นายสำนวน ทองหล่อ ตำแหน่ง ครู โรงเรียนสายธารวิทยา
สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ
ปีที่วิจัย 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาคณิตศาสตร์ ค32101 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพบริบท ความต้องการจำเป็นในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) รายวิชาคณิตศาสตร์ ค32101 2) เพื่อสร้างและพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ที่ใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) 3) เพื่อทดลองชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) และ 4) เพื่อประเมินการจัดการเรียนรู้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาคณิตศาสตร์ ค32101 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5Es) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 45 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 71 คน รวม 121 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) ดำเนินการวิจัยโดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 เป็นการศึกษาสภาพบริบทความต้องการจำเป็นในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ระยะที่ 2 เป็นการสร้างและพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ความน่าจะเป็น และระยะที่ 3 เป็นการทดลองใช้และประเมินชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ความน่าจะเป็น ที่ใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es)
ผลการวิจัยพบว่า
1. โดยภาพรวมโรงเรียนสายธารวิทยา มีความพร้อมของบริบทโรงเรียน ในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) อยู่ในระดับมาก และความคิดเห็นของนักเรียน โดยภาพรวม มีความต้องการจำเป็นในการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5Es) ของนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด
2. การจัดการเรียนรู้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาคณิตศาสตร์ ค32101 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5Es) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ที่สร้างขึ้น มีความเหมาะสมตามบริบทและความต้องการจำเป็นของโรงเรียนสายธารวิทยา โดยผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า แผนการจัดการเรียนรู้ที่นำเอาชุดกิจกรรมการเรียนรู้มาใช้ในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด นอกจากนี้ ผู้วิจัย ได้ทดลองภาคสนาม โดยการนำชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนสายธารวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 25 คน พบว่า ประสิทธิภาพของกระบวนการของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (E1) เท่ากับ 79.85 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 76.45 และเมื่อดำเนินการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า คะแนนหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ชี้ให้เห็นว่าการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสม สามารถนำไปใช้ได้
3. ผลการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ในการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ทั้ง 8 แผนการจัดการเรียนรู้ และ 6 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า นักเรียนมีความ กระตือรือร้น มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียน มีการปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักเรียนด้วยกัน มีทักษะ กระบวนการกลุ่ม ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี และมีคะแนนการทดสอบย่อยหลังเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 100 ในทุกชุดกิจกรรมการเรียนรู้
4. ผลการประเมินการจัดการเรียนรู้ พิจารณาจากผลต่างคะแนนระหว่างผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน และความพึงพอใจของนักเรียนต่อจัดการเรียนรู้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาคณิตศาสตร์ ค32101 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5Es) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ พบว่า คะแนนหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นอกจากนี้ ผลการสืบเสาะหาความรู้ด้วยตนเอง จากการจัดการเรียนรู้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาคณิตศาสตร์ ค32101 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5Es) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ทั้ง 6 กลุ่ม โดยภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่ม พบว่า มีจำนวน 4 กลุ่ม จาก 6 กลุ่ม ที่มีความเหมาะสมในการเรียนรู้ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) อยู่ในระดับมากที่สุด โดยกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ กลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 6 ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาเป็นรายชุด พบว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 3 นักเรียนสามารถสืบเสาะหาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสมที่สุด และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อจัดการเรียนรู้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาคณิตศาสตร์ ค32101 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5Es) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด