ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้เทคนิค 5 A ของโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559

ชื่อผลงาน : รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้เทคนิค 5 A ของโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559

ผู้รับผิดชอบ : นายสุชาติ นวลเจริญ

ผู้อำนวยการโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง

ปีพุทธศักราช : 2561

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

การประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้เทคนิค 5 A ของโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 ในครั้งนี้ดำเนินการโดยใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินด้านสภาพแวดล้อม (Context Evaluation) ของโครงการเกี่ยวกับความต้องการจำเป็นของโครงการ ความเหมาะสมของวัตถุประสงค์ ความสอดคล้องด้านนโยบาย และความเป็นไปได้ของโครงการ ด้านปัจจัยเบื้องต้น(Input Evaluation) ของโครงการเกี่ยวกับความพร้อมของบุคลากร ความเพียงพอของงบประมาณ ความพร้อมของวัสดุ อุปกรณ์ สื่อการเรียนรู้ และอาคารสถานที่ และการบริหารจัดการโครงการ ด้านกระบวนการ(Process Evaluation) ของโครงการเกี่ยวกับการวางแผนการดำเนินโครงการ การดำเนินกิจกรรม การติดตามและประเมินผล และการนำผลมาปรับปรุงพัฒนา และด้านผลผลิต (Product Evaluation) ของโครงการ เกี่ยวกับผลสำเร็จที่เกิดจากการดำเนินโครงการ ได้แก่กิจกรรมโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านด้วยเคนิค 5A และพฤติกรรมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน และ ระดับความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้อง ที่มีต่อผลการดำเนินโครงการ

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการตอบแบบสอบถามได้มาโดยวิธีสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวนทั้งสิ้น 140 คน ประกอบด้วย ครู เลือกเฉพาะครูผู้สอนโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง จำนวน 9 คน นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 65 คน ผู้ปกครองนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 59 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่ไม่ดำรงตำแหน่งครูและผู้บริหาร จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ ในการประเมินโครงการเป็นแบบสอบถามประเภทมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ มีจำนวนทั้งสิ้น 10 ฉบับ โดยมีค่าความเชื่อมั่นตั้งแต่ .8188 - .9126 โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างและนำมาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS (Package for the Social Sciences) for windows v.10 ผลการประเมินปรากฏ ดังนี้

ผลการประเมินโครงการ

ผลการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้เทคนิค 5 A ของโรงเรียน รักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 สรุปได้ว่าโดยภาพรวมทั้ง 4 ด้าน มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ( = 4.40, S.D.= .58) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า เพื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อันดับแรก คือ ด้านผลผลิตของโครงการ อยู่ในระดับ มาก ( = 4.44, S.D.= .56) รองลงมา คือ ด้านสภาพแวดล้อม และด้านกระบวนการของโครงการ อยู่ในระดับมาก( = 4.40, S.D.= .59) ( = 4.40, S.D.= .56) ส่วนลำดับสุดท้าย คือ ด้านปัจจัยเบื้องต้นอยู่ในระดับมาก ( = 4.30, S.D.= .56) ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาประเด็นการประเมิน ทั้ง 4 ด้านรวม 23 ประเด็นพบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้งหมด ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1. ผลการประเมินด้านสภาพแวดล้อมของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้เทคนิค

5 A ของโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์ การประเมินตามที่ได้กำหนดไว้ทุกประเด็น อยู่ในระดับมาก ( = 4.40, S.D.= .56) เมื่อพิจารณา รายประเด็น พบว่า อันดับแรก คือ ความต้องการจำเป็นของโครงการ อยู่ในระดับ มากที่สุด ( = 4.57, S.D.= .56) รองลงมา คือ ความเป็นไปได้ของโครงการ อยู่ในระดับมาก ( = 4.43, S.D.= .57) ความสอดคล้องด้านนโยบาย อยู่ในระดับมาก ( = 4.31, S.D.= .50) และอันดับสุดท้าย คือ ความเหมาะสมของวัตถุประสงค์ อยู่ในระดับมาก ( = 4.26, S.D.= .61) ตามลำดับ

2. ผลการประเมินด้านปัจจัยเบื้องต้นของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้เทคนิค

5 A ของโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์ การประเมินตามที่ได้กำหนดไว้ทุกประเด็น อยู่ในระดับมาก ( = 4.30, S.D.= .56) เมื่อพิจารณาเป็นรายประเด็น พบว่า อันดับแรก คือ ความพร้อมของบุคลากร อยู่ในระดับมาก ( = 4.48, S.D.= .53) รองลงมา คือ การบริหารจัดการโครงการ อยู่ในระดับมาก ( = 4.38, S.D.= .54) ความพร้อมของวัสดุอุปกรณ์ สื่อการเรียนรู้และอาคารสถานที่ อยู่ในระดับมาก ( = 4.32, S.D.= .57) และอันดับสุดท้าย คือ ความเพียงพอของงบประมาณ อยู่ในระดับมาก ( = 4.02, S.D.= .58) ตามลำดับ

3. ผลการประเมินด้านกระบวนการดำเนินงานของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดย

ใช้เทคนิค 5 A ของโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์

การประเมินตามที่ได้กำหนดไว้ทุกประเด็น อยู่ในระดับมาก ( = 4.37, S.D.= .57) เมื่อพิจารณาเป็นรายประเด็น พบว่า อันดับแรก คือ การวางแผนการดำเนินงาน อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.60, S.D.= .58) รองลงมา คือ การดำเนินกิจกรรมโครงการ อยู่ในระดับ มาก ( = 4.43, S.D.= .63) การติดตามและประเมินผล อยู่ในระดับมาก ( = 4.25, S.D.= .58) และอันดับสุดท้าย คือ การนำผลมาปรับปรุงพัฒนา อยู่ในระดับมาก ( = 4.20, S.D.= .49) ตามลำดับ

4. ผลการประเมินด้านผลผลิตของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้เทคนิค 5 A ของ

โรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 มีรายละเอียด ดังนี้

4.1 ผลการประเมินกิจกรรมโครงการส่งเสริมรักการอ่าน ด้วยเทคนิค 5 A ของโรงเรียน รักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ได้กำหนดไว้ทุกกิจกรรม อยู่ในระดับมาก ( = 4.38, S.D.= .58) เมื่อพิจารณาเป็นรายกิจกรรม พบว่า อันดับแรก คือ กิจกรรมจากพี่สู่น้อง อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.55, S.D.= .51) รองลงมาคือ กิจกรรมวางทุกงานอ่านทุกคน อยู่ในระดับมาก ( = 4.46, S.D.= .57) และอันดับสุดท้าย คือ กิจกรรมบูรณาการเนื่องในวันสำคัญ อยู่ในระดับมาก ( = 4.18, S.D.= .63) ตามลำดับ

4.2 ผลการประเมินพฤติกรรมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน โรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ได้กำหนดไว้ทุกประเด็น อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.53, S.D.= .53) ตามความคิดเห็นของครู โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์ การประเมินตามที่ได้กำหนดไว้ทุกประเด็น อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.58, S.D.= .47) เมื่อพิจารณาแต่ละประเด็น พบว่า อันดับแรก คือนักเรียนให้ความสำคัญกับการอ่านและนักเรียนมีพฤติกรรมการอ่านอย่างต่อเนื่อง อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.89, S.D.= .33) รองลงมา คือนักเรียนสนใจการอ่าน และนักเรียนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการอ่าน อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.67, S.D.= .50) และอันดับสุดท้าย คือ นักเรียนอ่านข้อมูลข่าวสาร อยู่ในระดับมาก ( =4.22, S.D.= .44) ตามลำดับตามความคิดเห็นของนักเรียน โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์ การประเมินตามที่ได้กำหนดไว้ทุกประเด็น อยู่ในระดับมาก ( =4.47, S.D.= .58) เมื่อพิจารณาแต่ละรายการ พบว่า นักเรียนให้ความสำคัญกับการอ่านอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.68, S.D.= .53) รองลงมา คือนักเรียนมีพฤติกรรมการอ่าน อย่างต่อเนื่องอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.62, S.D.= .52) และอันดับสุดท้าย คือ นักเรียนอ่านข้อมูลข่าวสารอยู่ในระดับมาก ( =4.20, S.D.= .64) ตามลำดับ

4.3 ระดับความพึงพอใจของผู้ที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้เทคนิค 5 A ของโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 พบว่า โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( = 4.47, S.D.= .56) ผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนด ดังนี้

4.3.1 ระดับความพึงพอใจของครู ที่มีต่อ การดำเนินงานโครงการส่งเสริมนิสัย รักการอ่านโดยใช้เทคนิค 5 A ของโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( =4.44, S.D.= .54) เมื่อพิจารณาแต่ละประเด็น พบว่า อันดับแรก คือ กิจกรรมตรงกับความต้องการ นักเรียนรักและสนใจการอ่านการเขียนมากขึ้น และผู้บริหารโรงเรียนให้ความสำคัญและสนับสนุนโครงการอย่างเต็มที่ อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.67, S.D.= .50) รองลงมา คือ การกำหนดนโยบายส่งเสริมการอ่านชัดเจน ปริมาณของกิจกรรมโครงการเหมาะสมไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป กิจกรรมในโครงการทุกกิจกรรมน่าสนใจ การจัดบรรยากาศของโรงเรียนที่เอื้อต่อการสร้างนิสัยรักการอ่านของทุกคนในโรงเรียน และประโยชน์ ที่ได้รับจากโครงการอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.56, S.D.= .53) และอันดับสุดท้าย คือ การมีส่วนร่วมของหน่วยงานอื่น ๆ อยู่ในระดับมาก ( =3.89, S.D.= .78) ตามลำดับ

4.3.2 ระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการดำเนินงานของโครงการส่งเสริมนิสัย รักการอ่านโดยใช้เทคนิค 5 A ของโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.53, S.D.= .53) เมื่อพิจารณาแต่ละประเด็น พบว่า อันดับแรก คือ

4.3.3 ระดับความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการดำเนินงานของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้เทคนิค 5 A ของโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.54, S.D.= .58) เมื่อพิจารณาแต่ละประเด็น พบว่า อันดับแรก คือ การดูแลเอาใจใส่ของครูมีส่วนในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน และการจัดกิจกรรมต่าง ๆโดยภาพรวมของโครงการนี้สามารถพัฒนาให้นักเรียนรักการอ่านมากขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.71, S.D.= .49) รองลงมาคือ นักเรียนใช้เวลาในการอ่านมากขึ้น นักเรียนให้ความสำคัญกับการอ่าน พอใจในผลงานของนักเรียนที่เกิดจากกิจกรรมโครงการ และผู้บริหารโรงเรียนให้ความสำคัญและสนับสนุนโครงการอย่างเต็มที่ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.68, S.D.= .51) และอันดับสุดท้าย คือ โรงเรียนสนับสนุน/ชี้แนะให้พ่อแม่ผู้ปกครองจัดมุมหนังสือ ไว้ที่บ้าน และโรงเรียนสนับสนุน/ชี้แนะให้พ่อแม่ผู้ปกครองพานักเรียนไปร้านหนังสือ อยู่ในระดับมาก ( =4.27, S.D.= .76) ตามลำดับ

4.3.4 ระดับความพึงพอใจของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีต่อ การดำเนินงานของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้เทคนิค 5 A ของโรงเรียนรักเมืองไทย ๖ บ้านโตนงาช้าง ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( =4.36, S.D.= .57) เมื่อพิจารณาแต่ละประเด็น พบว่า อันดับแรก คือ ผู้บริหารโรงเรียนให้ความสำคัญและสนับสนุนโครงการอย่างเต็มที่ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.71, S.D.= .49) รองลงมาคือ การกำหนดนโยบายส่งเสริมการอ่านชัดเจนและเป็นนโยบายที่ทำอย่างต่อเนื่อง ปริมาณของกิจกรรมโครงการเหมาะสมไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป กิจกรรมในโครงการทุกกิจกรรมน่าสนใจ มีการประชาสัมพันธ์โครงการอย่างหลากหลายวิธีและต่อเนื่อง นักเรียนได้พัฒนาการอ่านจากกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการ การจัดบรรยากาศของโรงเรียนที่เอื้อต่อการสร้างนิสัยรักการอ่านของทุกคนในโรงเรียนและประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.68, S.D.= .51) และอันดับสุดท้าย คือ โรงเรียนสนับสนุน/ชี้แนะให้พ่อแม่ผู้ปกครองจัดมุมหนังสือไว้ในบ้าน อยู่ในระดับมาก ( =3.71, S.D.= .76) ตามลำดับ

ข้อเสนอแนะ

ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้

1. ด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินโครงการ โรงเรียนควรมีคณะกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยเฉพาะ และควรแต่งตั้งจากผู้ปกครองนักเรียนทุกชั้นเรียน ร่วมกำหนดเป้าหมาย ตลอดจนการจัดกิจกรรมที่สอดรับกับนโยบายของโรงเรียน พร้อมทั้ง เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้รับทราบข้อมูล การดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง

1.2 ด้านปัจจัยเบื้องต้นในการดำเนินโครงการ ในด้านความเพียงพอของงบประมาณ ควรจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อการดำเนินโครงการ/กิจกรรม ตลอดจนจัดหาสื่อหนังสือ ที่ใหม่ น่าสนใจ ดึงดูดให้นักเรียนมีความต้องการเข้าห้องสมุด รวมทั้งประชาสัมพันธ์ไปยัง ชุมชน องค์กรและบุคคลภายนอก เพื่อขอรับงบประมาณในการสนับสนุนโครงการอย่างต่อเนื่อง

1.3 ด้านกระบวนการดำเนินงานงาน ควรแสวงหาความร่วมมือจากผู้ปกครอง ชุมชน และองค์กรต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความร่วมมือ และพัฒนา ปรับปรุงการดำเนินงานโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มากขึ้นกว่าเดิมในทุกปีการศึกษา

1.4 ด้านผลผลิตในการดำเนินโครงการ ควรออกแบบการจัดกิจกรรมสร้างนิสัยรักการอ่านโดยเป็นกิจกรรมที่เน้นความเพลิดเพลินบูรณาการกับความรู้ เพื่อเป็นการเร้าใจให้นักเรียนมีความสนใจและอยากเข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งครูควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการเข้าห้องสมุด เมื่อมีเวลาว่าง ตลอดจนควรจัดตารางเรียนให้ทุกชั้นเรียนได้มีโอกาสเข้าห้องสมุดเพื่อค้นคว้าศึกษาเพิ่มเติมในเนื้อหาวิชาที่เรียนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการปลูกฝังและสร้างนิสัยรักการอ่านให้เกิดกับนักเรียนอย่างยั่งยืน

ข้อเสนอแนะเพื่อการประเมินครั้งต่อไป

เพื่อให้ผลการประเมินนี้มีผลสืบเนื่องต่อไปในอนาคต ผู้ประเมินมีข้อเสนอแนะที่อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับการประเมินในโอกาสต่อไป ดังนี้

2.1 ควรศึกษาเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค ที่ส่งผลต่อการดำเนินงานโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ของโรงเรียนให้ต่อเนื่อง จากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

2.2 ควรศึกษาบทบาทของผู้ปกครองในการสร้างนิสัยรักการอ่าน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการดำเนินโครงการให้ประสบความสำเร็จต่อไป

2.3 ควรศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานโรงเรียน และพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อรองรับการประเมินโครงการ โรงเรียนส่งเสริมนิสัยรักการอ่านระดับประเทศ ต่อไป

โพสต์โดย สุชาติ : [31 ส.ค. 2561 เวลา 12:45 น.]
อ่าน [5292] ไอพี : 1.47.96.109
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,940 ครั้ง
หนุ่มๆ ควรเลือกใส่สีเสื้อ สีไหนดี?
หนุ่มๆ ควรเลือกใส่สีเสื้อ สีไหนดี?

เปิดอ่าน 20,577 ครั้ง
"e-Learning" บทเรียนออนไลน์ กับสิ่งที่ผู้เรียนควรรู้
"e-Learning" บทเรียนออนไลน์ กับสิ่งที่ผู้เรียนควรรู้

เปิดอ่าน 11,325 ครั้ง
เอาไฟฉายส่องตา แก้เมาเครื่องบินได้
เอาไฟฉายส่องตา แก้เมาเครื่องบินได้

เปิดอ่าน 12,162 ครั้ง
ผลสำรวจชี้มนุษย์ทำงาน 63% เห็นว่าการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันเป็นเรื่อง "ล้าสมัย"
ผลสำรวจชี้มนุษย์ทำงาน 63% เห็นว่าการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันเป็นเรื่อง "ล้าสมัย"

เปิดอ่าน 3,706 ครั้ง
พิกเซล (Pixel)
พิกเซล (Pixel)

เปิดอ่าน 13,418 ครั้ง
เทคนิคการคิดเลข 3 ตัว ที่ยังไงก็แล้วแต่ ผลลัพธ์จะได้ 1089 เสมอ
เทคนิคการคิดเลข 3 ตัว ที่ยังไงก็แล้วแต่ ผลลัพธ์จะได้ 1089 เสมอ

เปิดอ่าน 12,374 ครั้ง
เสริมสร้างความเข้าใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการคิดแบบปิงปองดูสิ
เสริมสร้างความเข้าใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการคิดแบบปิงปองดูสิ

เปิดอ่าน 11,995 ครั้ง
ตรวจสอบฮวงจุ้ยที่บ้านคุณ
ตรวจสอบฮวงจุ้ยที่บ้านคุณ

เปิดอ่าน 33,898 ครั้ง
ขนาดของหน่วยความจำและขนาดของภาพเมื่อนำไปอัด
ขนาดของหน่วยความจำและขนาดของภาพเมื่อนำไปอัด

เปิดอ่าน 105,323 ครั้ง
เมลามีน คืออะไร?
เมลามีน คืออะไร?

เปิดอ่าน 10,144 ครั้ง
LINE ขู่ หากพบส่งข้อความหลอกให้แชร์ โดนระงับบัญชีถาวรแน่
LINE ขู่ หากพบส่งข้อความหลอกให้แชร์ โดนระงับบัญชีถาวรแน่

เปิดอ่าน 9,984 ครั้ง
เคล็ดลับการดูแลเท้า
เคล็ดลับการดูแลเท้า

เปิดอ่าน 4,857 ครั้ง
การดูแล "มะยงชิด-มะปรางหวาน" เริ่มออกดอก
การดูแล "มะยงชิด-มะปรางหวาน" เริ่มออกดอก

เปิดอ่าน 8,811 ครั้ง
บทบาทผู้นำองค์กร 2020
บทบาทผู้นำองค์กร 2020

เปิดอ่าน 21,924 ครั้ง
คุณสมบัติของ e-Learning
คุณสมบัติของ e-Learning

เปิดอ่าน 57,196 ครั้ง
ห้องสมุด 3 ดี
ห้องสมุด 3 ดี
เปิดอ่าน 13,529 ครั้ง
10 ทริคเพื่อสุขภาพประจำวัน รู้ไว้ได้ใช้แน่
10 ทริคเพื่อสุขภาพประจำวัน รู้ไว้ได้ใช้แน่
เปิดอ่าน 29,405 ครั้ง
สอนลูกให้เป็น “ดิน” เพื่อจะเป็น “ดาว” / ดร.แพง ชินพงศ์
สอนลูกให้เป็น “ดิน” เพื่อจะเป็น “ดาว” / ดร.แพง ชินพงศ์
เปิดอ่าน 15,781 ครั้ง
คลิปโชว์การปอกมะพร้าวแบบกินได้ทั้งลูก
คลิปโชว์การปอกมะพร้าวแบบกินได้ทั้งลูก
เปิดอ่าน 21,807 ครั้ง
ความรู้ ความเชื่อ และการปฏิบัติ
ความรู้ ความเชื่อ และการปฏิบัติ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ