ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง การประดิษฐ์งานใบตอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพิศาลปุณณวิทยา
ผู้วิจัย นางมณเทียร สุริยา
โรงเรียน พิศาลปุณณวิทยา ตำบลบ้านหว้า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่วิจัย 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่องการประดิษฐ์งานใบตอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพิศาลปุณณวิทยา (2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่องการประดิษฐ์งานใบตอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพิศาลปุณณวิทยา ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล ตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่องการประดิษฐ์งานใบตอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพิศาลปุณณ-วิทยา ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน (4) เพื่อเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เรื่องการประดิษฐ์งานใบตอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพิศาลปุณณวิทยา ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ (5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง งานประดิษฐ์สร้างสรรค์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนพิศาลปุณณวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ที่เรียนภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 35 คน โดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) แผนการจัดการเรียนรู้และชุดการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เรื่อง การประดิษฐ์งานใบตอง (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบปรนัยเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ (3) แบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ จำนวน 20 ข้อ และ (4) แบบสอบถามความพึงพอใจ ซึ่งเป็นแบบสอบถาม ชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 1 ฉบับ 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติการทดสอบที (Paired Sample t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการวิเคราะห์สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่องการประดิษฐ์งานใบตอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพิศาลปุณณวิทยา ที่เกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และความพึงพอใจในการเรียนรู้ โดยใช้แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้อง ทั้งแบบวิเคราะห์เอกสาร และแบบสัมภาษณ์ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน พบว่า มีความสอดคล้อง โดยมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 1.00 ทุกรายการ
2. รูปแบบการเรียนรู้ แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง การประดิษฐ์งานใบตอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพิศษลปุณณวิทยา มีประสิทธิภาพ 83.23/87.57 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.77 หรือคิดเป็นร้อยละ 77
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่องการประดิษฐ์งานใบตอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพิศาลปุณณวิทยา หลังเรียนมีค่าสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่องการประดิษฐ์งานใบตอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพิศาลปุณณวิทยา หลังเรียนมีค่าสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
5. กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่องการประดิษฐ์งานใบตอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพิศาลปุณณวิทยา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 4.38