ชื่อเรื่อง รายงานผลการใช้แบบฝึกทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการต้อนรับนัก ท่องเที่ยว ในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี (ยุวมัคคุเทศก์) Young Guide สาระการเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่อง ภาษาอังกฤษสำหรับยุวมัคคุเทศก์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้รายงาน นางธนวรรณ ศรีวาปี
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ รายวิชาเพิ่มเติม (ภาษาอังกฤษ)
สังกัด โรงเรียนตรีประชาพัฒนศึกษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ
ปีที่ดำเนินการ 2560
บทคัดย่อ
รายงานผลการใช้แบบฝึกทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการต้อนรับนักท่องเที่ยว ในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี (ยุวมัคคุเทศก์) Young Guide) สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่องภาษาอังกฤษสำหรับยุวมัคคุเทศก์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นการศึกษาหารูปแบบการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับใช้ในการสร้างงานและอาชีพตามบริบทของท้องถิ่น เกิดทักษะกระบวนการเรียนรู้ด้านการท่องเที่ยวสามารถศึกษาต่อด้านการท่องเที่ยวในระดับที่สูงขึ้นได้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ในการศึกษาแล้วเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน,ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD นักเรียนที่ฝึกใช้บทบทสนทนาในสถานการณ์จริงและนักเรียนในชุมนุมยุวมัคคุเทศก์มีการนำไปใช้ในการกิจกรรมนำนักท่องเที่ยวเข้าเข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวในชุมชน อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม มีทักษะในการกล่าวคำทักทาย เสนอให้ความช่วยเหลือแนะนำเส้นทางการเดินทาง นำนักท่องเที่ยวเยี่ยมชม แนะนำแหล่งท่องเที่ยว ร้านค้าวิสาหกิจชุมชน วัฒนธรรมประเพณีในท้องถิ่น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในบทบาทหน้าที่ จรรยาบรรณและทักษะของยุวมัคคุเทศก์ (Young Guide) หลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีทักษะในการต้อนรับนักท่องเที่ยวในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี สูงกว่าก่อนเรียน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบเป็นกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม โรงเรียนที่จัดกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่อง เรื่องภาษาอังกฤษสำหรับยุวมัคคุเทศก์ ได้แก่ โรงเรียนตรีประชาพัฒนศึกษา ผู้เรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2560 องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ จำนวน 20 คน
คณะผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ในการหาคุณภาพและประสิทธิภาพของเครื่องมือ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนวิชาภาษาอังกฤษ จำนวน 3 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและประเมินผลการศึกษา 1 คน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและประเมินผล 2 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการวิจัย 1 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. แบบฝึกทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 6 เล่ม
2. แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 21 แผน
3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ
4. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีประสิทธิภาพ 62.92/61.25 ครั้งที่ 2 มีประสิทธิภาพ73.47/72.50 และครั้งที่ 3 มีประสิทธิภาพ 80.94/80.55
2. แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีระดับคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ในการทดลองใช้ครั้งที่ 1 มีประสิทธิภาพ 62.92/61.25 ครั้งที่ 2 มีประสิทธิภาพ 73.47/72.50 และครั้งที่ 3 มีประสิทธิภาพ 80.94/80.55
3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง .60 - 1.00 ค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง .30 - .77 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .25 - .75 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบเท่ากับ .91
4. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ มีดัชนีความสอดคล้องระหว่าง .60 1.00 ค่าอำนาจจำแนกรายข้อระหว่าง .49.83 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ .93
การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีความสอดคล้อง การหาค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น การหาประสิทธิภาพ และการทดสอบค่าที (t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ที่พัฒนาขึ้นมีค่าเท่ากับ 82.92/81.81
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD โดยรวมและรายข้ออยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ เรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้แก่ แบบฝึกใช้ตัวอักษรเหมาะสมกับเนื้อหา แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนช่วยให้ทราบพัฒนาการทางการเรียนของตนเองและแบบฝึกมีลำดับเนื้อหาที่เรียงลำดับจากง่ายไปหายากทำให้ศึกษาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย