|
|
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอน RIPPAE Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางศณิชา จันทร์ลาภ
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอน RIPPAE Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการสอน RIPPAE Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพรูปแบบการสอน RIPPAE Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการสอน RIPPAE Model และเพื่อศึกษาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบการสอน RIPPAE Model 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อรูปแบบการสอน RIPPAE Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทศบาล ๓ (วัดพุทธภูมิ) ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครยะลา จำนวนทั้งสิ้น 44 คน ประกอบด้วย นักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 21 คน และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/2 จำนวน 23 คน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/2 จำนวน 23 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร จำนวน 1 ฉบับ แบบสัมภาษณ์ จำนวน 1 ฉบับ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 24 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ แบบวัดทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ จำนวน 20 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 1 ชุด สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการสอน RIPPAE Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยการวิเคราะห์เอกสารของคณะครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ จำแนกตามประเด็นการวิเคราะห์ ได้ดังนี้ 1.1) ประเด็นการวิเคราะห์จากนโยบายการศึกษา ผลการวิเคราะห์พบว่า การศึกษาเป็นหัวใจของชาติ ควรส่งเสริมให้ครูใช้ศักยภาพในการสอนอย่างเต็มที่ ใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลาย ให้เด็กท่องจำน้อยลงเน้นการฝึกคิดวิเคราะห์ ยกระดับการสอนวิชาภาษาอังกฤษให้นักเรียนใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ 1.2) ประเด็นการวิเคราะห์จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผลการวิเคราะห์ พบว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 มีการปรับโครงสร้างประเทศสู่ประเทศไทย 4.0 มีการเตรียมความพร้อม คน สังคม และระบบเศรษฐกิจของประเทศเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ยึดคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา ยึดวิสัยทัศน์ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มาเป็นกรอบของวิสัยทัศน์พัฒนาประเทศ เป้าหมายอนาคตประเทศไทย ปี 2579 มีความสำคัญ 1.3) ประเด็นการวิเคราะห์จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 ผลการวิเคราะห์พบว่า ควรมีการยกระดับ/ปฏิรูปการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ของผู้เรียน เสนอแนวทางการจัดการศึกษาของชาติที่เหมาะสม มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาร่วมกัน การจัดการศึกษาควรยึดหลักตามความหมายของการศึกษาตามมาตรา 4 1.4) ประเด็นการวิเคราะห์จากการประเมินคุณภาพทั้งภายในและภายนอก และปัญหา การจัดการศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ ผลการวิเคราะห์พบว่า จากการประเมินคุณภาพทั้งภายในและภายนอก ตั้งแต่ปีการศึกษา 2557-2558 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนั้น นักเรียนมีปัญหาทางด้านการฟัง พูด อ่าน และเขียนวิชาภาษาอังกฤษ อย่างต่อเนื่อง ข้อเสนอแนะ ควรสร้างโอกาสในการเรียนรู้ของนักเรียน หาแนวทางการพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน สร้างแรงจูงใจ และการฝึกทักษะการอ่านและการเขียน 1.5) ประเด็นการวิเคราะห์จากหลักสูตรแกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผลการวิเคราะห์พบว่า การจัดการศึกษาเพื่อการสื่อสารจากการฟัง พูด อ่าน และเขียน 1.6 ประเด็นการวิเคราะห์จากแนวคิด/ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องการรับรู้ การเรียนรู้ กลวิธีการสอน การวัดประเมินผล ผลการวิเคราะห์พบว่า การจัดการเรียนการสอนครูต้องเข้าใจแนวคิด/ทฤษฎีเกี่ยวกับ การรับรู้ การเรียนรู้ กลวิธีการสอน การวัดประเมินผล และทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง และเหมาะสมกับการจัด การเรียนการสอนประกอบรูปแบบการสอนแบบ ADDIE Model ของ Kevin Kruse กลวิธีการเรียนการสอนแบบ MIA ของ Murdoch และกลวิธีการสอนเน้นการสอนอ่านแบบ PANORAMA ของ Edwards ข้อเสนอแนะ หลอมรวมแนวคิด/ทฤษฎีต่าง ๆ สร้างรูปแบบ การเรียนการสอน ซึ่งรูปแบบการเรียนการสอนควรประกอบด้วยขั้นตอนการสอนอ่านที่เหมาะสม และ 1.7) ประเด็นการวิเคราะห์จากรูปแบบการสอน RIPPAE Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่า แนวทางการจัดการเรียนการสอนควรเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงแรงจูงใจ ความสนใจการฝึกปฏิบัติจริง ความต้องการและความแตกต่างของผู้เรียน สังเคราะห์สร้างรูปแบบการสอน RIPPAE Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีความสำคัญต่อการสื่อภาษาได้
2. รูปแบบการสอน RIPPAE Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่พัฒนาขึ้นมี 6 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นเตรียมความพร้อมก่อนเรียน 2) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 3) ขั้นสอน 4) ขั้นฝึกปฏิบัติ 5) ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ 6) ขั้นวัดและประเมินผล ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ของรูปแบบการเรียนการสอน เท่ากับ 82.12/86.16 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยรูปแบบการสอน RIPPAE Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังการใช้สูงกว่าก่อนการพัฒนารูปแบบการสอน RIPPAE Model และทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอน RIPPAE Model สูงกว่าก่อนเรียนรู้
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อรูปแบบการสอน RIPPAE Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจ ในระดับมาก
|
โพสต์โดย kratai : [29 ส.ค. 2561 เวลา 17:06 น.] อ่าน [4955] ไอพี : 118.174.81.163
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 21,384 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,319 ครั้ง
| เปิดอ่าน 803 ครั้ง
| เปิดอ่าน 6,953 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,495 ครั้ง
| เปิดอ่าน 29,758 ครั้ง
| เปิดอ่าน 44,479 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,122 ครั้ง
| เปิดอ่าน 64,945 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,087 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,057 ครั้ง
| เปิดอ่าน 55,738 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,078 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,010 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,271 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 41,735 ครั้ง
| เปิดอ่าน 27,750 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,651 ครั้ง
| เปิดอ่าน 24,063 ครั้ง
| เปิดอ่าน 39,126 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|