ชื่องานวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนและทักษะการคิดขั้นสูง รายวิชาฟิสิกส์ 3 รหัสวิชา ว32203 ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ผู้วิจัย นางอัมพร ใจจันทึก
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สังกัด โรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนและทักษะการคิดขั้นสูง รายวิชาฟิสิกส์ 3 รหัสวิชา ว32203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ ดังนี้ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการสร้างและพัฒนารูปแบบ การเรียนรู้ (2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ (3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ และ (4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการคิดขั้นสูง รายวิชาฟิสิกส์ 3รหัสวิชา ว32203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับศึกษาข้อมูลพื้นฐานได้แก่ (1) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (2) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (3) เอกสารเกี่ยวกับแนวคิด ทฤษฎี หลักการ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ และแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง (4) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 36 คนได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) (5) ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และผู้บริหารสถานศึกษา โรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 รวมจำนวน 10 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการสร้างและการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ได้แก่ (1) ผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ในการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 ท่าน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) (2) นักเรียนที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เป็นนักเรียนโรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 36 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้และประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 38 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ คู่มือการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดทักษะ การคิดขั้นสูง และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ข้อมูลพื้นฐานในการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการคิดขั้นสูง รายวิชาฟิสิกส์ 3 รหัสวิชา ว32203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ส่งเสริมให้นักเรียนมีโอกาสได้พัฒนาความคิดอย่างเต็มที่โดยผ่านกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ด้วยตนเอง ทำให้นักเรียนมีความอยากรู้อยู่ตลอดเวลา วิธีสืบเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเองทำให้ความรู้คงทนและเชื่อมโยงการเรียนรู้ได้ส่งผลให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการคิดขั้นสูง รายวิชาฟิสิกส์ 3 รหัสวิชา ว32203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรียกว่า G5E CARE Model ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญคือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และ เงื่อนไขสำคัญในการนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ไปใช้ ซึ่งมีขั้นตอนการจัดกิจกรรม 10 ขั้นตอนดังนี้ (1) ขั้นบอกเป้าหมาย (Gold : G) (2) ขั้นตรวจสอบความรู้เดิม (Elicit : E) (3) ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engage : E) (4) ขั้นสำรวจและค้นหา (Explore : E) (5) ขั้นอธิบาย (Explain : E) (6) ขั้นขยายความรู้ (Elaborate : E) (7) ขั้นสร้างมโนทัศน์ (Conceptualize : C) (8) ขั้นประยุกต์ใช้ (Application : A) (9) ขั้นสะท้อน (Reflect : R) (10) ขั้นประเมิน (Evaluate : E) และรูปแบบการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการคิดขั้นสูง รายวิชาฟิสิกส์ 3 รหัสวิชา ว32203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า (1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการคิดขั้นสูง รายวิชาฟิสิกส์ 3 รหัสวิชา ว32203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (2) ทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการคิดขั้นสูง รายวิชาฟิสิกส์ 3 รหัสวิชา ว32203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการคิดขั้นสูง รายวิชาฟิสิกส์ 3 รหัสวิชา ว32203 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 อยู่ในระดับมากที่สุด