|
|
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหา ความจำเป็นในการพัฒนา และลักษณะความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ 2) เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนา 3) เพื่อทดลองใช้ แนวทางพัฒนา และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้แนวทางการพัฒนา การดำเนินการวิจัยแบ่งออก เป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัญหา ความจำเป็นในการพัฒนา และลักษณะความเป็น
องค์กรแห่งการเรียนรู้ ประชากร และกลุ่มตัวอย่าง การสัมภาษณ์เชิงลึก เลือกศึกษาสถานศึกษา และอุทยานการเรียนรู้ที่เป็น Best Practice ในด้านการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ จำนวน 3 แห่ง และการศึกษาเชิงสำรวจ ประชากร ได้แก่ ฝ่ายบริหารโรงเรียน จำนวน 37 คน คณะครู ทั้ง 20 โรงเรียน จำนวน 476 คน รวมประชากรทั้งหมด 513 คน กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ฝ่ายบริหาร จำนวน 37 คน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ คณะครู ทั้ง 20 โรงเรียน จำนวน 213 คน รวมกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 250 คน เครื่องมือเป็นแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง และแบบสอบถาม ระยะที่ 2 การออกแบบและพัฒนา และการตรวจสอบคุณภาพ การกำหนดแนวทางพัฒนา กลุ่มผู้ร่วมวิจัย จำนวนทั้งหมด 19 คน การสนทนากลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนทั้งหมด 13 คน เครื่องมือ ได้แก่ แนวการฝึกอบรมเพื่อให้ความรู้ด้านการวิเคราะห์องค์กร การกำหนดทิศทางองค์กร แบบบันทึกการประชุมเชิงปฏิบัติการ และการสนทนากลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ระยะที่ 3 การทดลองใช้แนวทางพัฒนา ทำการทดลองใช้แนวทางพัฒนา จำนวน 3 โรงเรียน เครื่องมือ ได้แก่ โครงการพัฒนา จำนวน 12 โครงการ ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์หลัก และลักษณะองค์กรแห่งการเรียนรู้ทั้ง 6 ด้าน 4) ระยะที่ 4 การประเมิน และปรับปรุงแนวทางพัฒนา ประชากร ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวนทั้งหมด 39 คน ฝ่ายบริหาร คณะครู จำนวนทั้งหมด 56 คน รวมประชากรทั้งหมด จำนวน 95 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 37 คน ฝ่ายบริหาร คณะครู จำนวน 53 คน รวมจำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 90 คน เครื่องมือ ได้แก่ แบบตรวจติดตามผลการดำเนินงานตามโครงการ แบบบันทึกผลการประชุมกลุ่มย่อย แบบรายงานผลการปฏิบัติงานตามโครงการ และแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ทำการวิเคราะห์เนื้อหาสำหรับข้อมูลเชิงคุณภาพ
ผลการวิจัย พบว่า
1. การดำเนินงานตามลักษณะองค์กรแห่งการเรียนรู้ทั้ง 6 ด้าน ส่วนใหญ่มีปัญหา อยู่ในในระดับมาก และมีความจำเป็นที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ ในการบริหารสถานศึกษาจากแนวทางการบริหารที่ผ่านมา ไปสู่การพัฒนาสถานศึกษาสู่ความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ หรือโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ เพื่อให้สมาชิกทุกคนขององค์กรได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตามศักยภาพ
2. ผลของการกำหนดแนวทางการพัฒนา มีแนวทาง ดังนี้ 1) วิเคราะห์สภาพแวดล้อมของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ทั้ง 20 โรงเรียน 2) กำหนดทิศทางองค์กร (วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์) 3) กำหนดยุทธศาสตร์หลัก 4) กำหนดมุมมอง 5) จัดทำแผนที่ยุทธศาสตร์ 6) กำหนดตัวชี้วัดตามเป้าประสงค์บนแผนที่ยุทธศาสตร์ 7) ระดมกิจกรรม โครงการ พัฒนาใหม่ ๆ 8) จัดทำแผนปฏิบัติการ 9) กำหนดแนวทางการนำแผนสู่การปฏิบัติ และ 10) กำหนดแนวทางการนิเทศ กำกับ ติดตามประเมินผล ซึ่งแนวทางดังกล่าวได้รับการยืนยันความเหมาะสม จากผู้ทรงคุณวุฒิ
3. ผลการทดลองใช้แนวทางการพัฒนา พบว่า ตัวชี้วัดของโครงการสามารถบรรลุเป้าหมายการปฏิบัติงานที่ตั้งไว้ จำนวน 10 ตัวชี้วัด ได้แก่ ร้อยละของนักเรียนชั้น ม.6 ที่มีทักษะ ด้านICT ตามที่กำหนด ร้อยละของผู้เรียนที่มีความเสี่ยงด้านสิ่งเสพติดลดลง ร้อยละของนักเรียน กลุ่มเป้าหมายที่มีการออมเงินอย่างต่อเนื่อง ร้อยละของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพอย่างน้อย 1 กิจกรรม ร้อยละของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายที่มีส่วนร่วมอนุรักษ์ ป่าชุมชน ร้อยละของห้องเรียนที่จัดมุมศึกษา ค้นคว้าภายในชั้นเรียน ร้อยละของครูที่เขียนแผน การจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษา ร้อยละของครูที่มีทักษะในการวัดผลประเมินผลการเรียนรู้ ตามสภาพจริง ร้อยละของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการหิ้วปิ่นโตเข้าวัด ร้อยละของนักเรียนที่มีนิสัยรักการอ่าน ส่วนตัวชี้วัดที่มีผลการประเมินไม่บรรลุเป้าหมาย มีจำนวน 2 ตัว ได้แก่ ร้อยละของครูที่เขียนแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
และ จำนวนหลักสูตรท้องถิ่นของกลุ่มสาระการเรียนรู้
4) ผลการประเมินแนวทาง การพัฒนา ในภาพรวม พบว่า ทุกด้านมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.57 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน และเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมาก ไปหาน้อย 3 ข้อแรก ได้แก่ ด้านผลผลิต มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.63 รองลงมาคือ ด้านบริบท มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.61 และ ด้านกระบวนการ มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.57 ตามลำดับ
|
โพสต์โดย นงเยาว์ : [27 ส.ค. 2561 เวลา 08:07 น.] อ่าน [4928] ไอพี : 180.183.23.147
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 23,035 ครั้ง
| เปิดอ่าน 3,150 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,073 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,907 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,271 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,064 ครั้ง
| เปิดอ่าน 64,579 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,167 ครั้ง
| เปิดอ่าน 189,337 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,818 ครั้ง
| เปิดอ่าน 34,411 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,907 ครั้ง
| เปิดอ่าน 34,922 ครั้ง
| เปิดอ่าน 26,610 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,586 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 32,256 ครั้ง
| เปิดอ่าน 66,729 ครั้ง
| เปิดอ่าน 139,625 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,049 ครั้ง
| เปิดอ่าน 215,708 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|