ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ร่วม
กับการใช้คำถาม R-C-A เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะชีวิต รายวิชา
สารและสมบัติของสาร (ว31102) เรื่องสารชีวโมเลกุล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้ศึกษา นางมะลิ เคนชมภู
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สังกัด โรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ร่วมกับการใช้คำถาม R-C-A เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะชีวิต รายวิชาสารและสมบัติของสาร (ว31102) เรื่องสารชีวโมเลกุล สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ ดังนี้ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ (2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ (3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ และ (4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ร่วมกับการใช้คำถาม R-C-A เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะชีวิต รายวิชาสารและสมบัติของสาร (ว31102) เรื่องสารชีวโมเลกุล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับศึกษาข้อมูลพื้นฐานได้แก่ (1) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (2) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (3) เอกสารเกี่ยวกับแนวคิด ทฤษฎี หลักการ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) และแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะชีวิต (4) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 38 คนได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) (5) ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และผู้บริหารสถานศึกษา โรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 รวมจำนวน 10 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการสร้างและการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ได้แก่ (1) ผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ในการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) (2) นักเรียนที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เป็นนักเรียนโรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 38 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้และประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 โรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 32 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ คู่มือการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดทักษะชีวิต และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test Dependent Samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ข้อมูลพื้นฐานในการสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ร่วมกับการใช้คำถาม R-C-A เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะชีวิต รายวิชาสารและสมบัติของสาร (ว31102) เรื่องสารชีวโมเลกุล สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่าการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน เนื่องจากกิจกรรมการจัดการเรียนรู้เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเน้นส่งเสริมทักษะชีวิต สามารถคิดตัดสินใจและคิดแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน
2. รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ร่วมกับการใช้คำถาม R-C-A เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะชีวิต รายวิชาสารและสมบัติของสาร (ว31102) เรื่องสารชีวโมเลกุล สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรียกว่า SPISEAQRCA Model ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญคือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และ เงื่อนไขสำคัญในการนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ไปใช้ ซึ่งมีขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 7 ขั้นตอนดังนี้ (1) ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Stimulate : S) (2) ขั้นวางแผน (Plan : P) (3) ขั้นหาคำตอบ (Investigate: I) (4) ขั้นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ (Share : S) (5) ขั้นขยายความรู้ (Extend : E) และ (6) ขั้นใช้คำถาม R-C-A (Question R-C-A : QR-C-A) และรูปแบบการจัดการเรียนรู้มี ความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ร่วมกับการใช้คำถาม R-C-A เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะชีวิต รายวิชาสารและสมบัติของสาร (ว31102) เรื่องสารชีวโมเลกุล สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า (1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ร่วมกับการใช้คำถาม R-C-A เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะชีวิต รายวิชาสารและสมบัติของสาร (ว31102) เรื่องสารชีวโมเลกุล สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (2) ทักษะชีวิตของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ร่วมกับการใช้คำถาม R-C-A เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะชีวิต รายวิชาสารและสมบัติของสาร (ว31102) เรื่องสารชีวโมเลกุล สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ร่วมกับการใช้คำถาม R-C-A เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะชีวิต รายวิชาสารและสมบัติของสาร (ว31102) เรื่องสารชีวโมเลกุล สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 อยู่ในระดับมากที่สุด