ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT
เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางวิภารัตน์ สาสังข์
โรงเรียน โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม ตำบลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28
ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT
เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม ตำบลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 จำนวน 36 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือ ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ เอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และแผนการจัดการการเรียนรู้ด้วยเอกสารประกอบการเรียนโดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยได้ออกแบบและจัดทำขึ้น 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.21 - 0.78 และค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.25 - 0.92 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบเท่ากับ 0.81 และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 เป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.24 ถึง 0.78 มีค่าความเชื่อมั่น ทั้งฉบับเท่ากับ 0.87 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติ t - test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. เอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพ 84.91/82.71
ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. เอกสารประกอบการเรียนโดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.62 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียน คิดเป็นร้อยละ 62
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยเอกสารประกอบ
การเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 หลังจากเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. พบว่าความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄ = 4.51, S.D. = 0.62) ด้านที่มีความพึงพอใจมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ด้านที่ 3 เอกสารประกอบการเรียน ทำให้เกิดทักษะในการปฏิบัติกิจกรรม (x̄ = 4.67, S.D. = 0.59) รองลงมาคือ ด้านที่ 2 การเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT ทำให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น
(x̄ = 4.64, S.D. = 0.59) รองลงมาคือ ด้านที่ 7 เนื้อหาในเอกสารประกอบการเรียนเป็นไปตามลำดับขั้นตอนจากง่ายไปหายาก (x̄ = 4.61, S.D. = 0.49) และด้านที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุดคือ ด้านที่ 10 กิจกรรมในเอกสารประกอบการเรียน เหมาะสมกับเวลา อยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.36, S.D. = 0.76)
สรุปผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า เอกสารประกอบการเรียน โดยใช้เทคนิค 4MAT เรื่อง พระพุทธและหลักอริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นสื่อการจัดการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทำให้การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5 ประการได้ นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน ดังนั้นควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูสาระการเรียนรู้อื่น ๆ หรือระดับชั้นอื่น ๆ นำเอกสารประกอบการเรียน ไปเป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ เจตคติ และสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ต่อไป