ชื่อผลงาน : รายงานการประเมินโครงการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมไทร ปีการศึกษา 2559
ผู้รายงาน : นายสุพล กระสังข์
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแหลมไทร อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2
ปีที่รายงาน : ปีการศึกษา 2560
บทสรุปผู้บริหาร
รายงานการประเมินโครงการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมไทร ปีการศึกษา 2559 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินด้านสภาพแวดล้อมของโครงการ 2) ประเมินด้านปัจจัยนำเข้าเบื้องต้นของโครงการ 3) เพื่อประเมินด้านกระบวนการดำเนินโครงการ 4) ประเมินด้านผลผลิตของโครงการ ประกอบด้วย ทักษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนตามเกณฑ์ที่กำหนดและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติ(NT ป.3,O-NET ป.6) พฤติกรรมการสอนของครูโดยส่งเสริมให้นักเรียนใช้แหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนและนอกโรงเรียน ความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานต่อการดำเนินโครงการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมสร้างของนักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมไทร ปีการศึกษา 2559
ผลการประเมินพบว่า
1. ผลการประเมินโครงการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมไทร ปีการศึกษา 2559 ด้านสภาพแวดล้อมของโครงการตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและครู เกี่ยวกับความต้องการจำเป็นในการดำเนินโครงการ ความเหมาะสม ของวัตถุประสงค์โครงการ ความสอดคล้องกับนโยบายต้นสังกัด และความเป็นไปได้ของโครงการ โดยภาพรวมพบว่า ความคิดเห็นของครูและของ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากและผ่านเกณฑ์การประเมิน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.29 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.24
2. ผลการประเมินผลการประเมินโครงการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมไทร ปีการศึกษา 2559 ด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เกี่ยวกับความเหมาะสมด้านปัจจัยนำเข้าเบื้องต้นของโครงการ ก่อนการดำเนินโครงการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมไทร ปีการศึกษา 2559 เกี่ยวกับความพร้อมของบุคลากร ความเพียงพอของงบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์และอาคารสถานที่ การบริหารจัดการ และหน่วยงานที่สนับสนุนโครงการ โดยภาพรวมพบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากและผ่านเกณฑ์การประเมิน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.98 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.24
3. ผลการประเมินโครงการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมไทร ปีการศึกษา 2559 ด้านกระบวนการดำเนินงานของโครงการตามความคิดเห็นของ ครู กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครองเกี่ยวกับการวางแผนการดำเนินงาน การดำเนินการจัดกิจกรรม การติดตามและประเมินและการนำผลการประเมินมาปรับปรุงพัฒนา โดยภาพรวมพบว่า ความคิดเห็นของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครอง เกี่ยวกับความเหมาะสมด้านด้านกระบวนการดำเนินโครงการ ระหว่างการดำเนินโครงการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมไทร ปีการศึกษา 2559 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากและผ่านเกณฑ์การประเมิน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.08 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.25
4. ผลการประเมินด้านผลผลิตของโครงการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมไทร ปีการศึกษา 2559 ด้านผลผลิตของโครงการตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย 1)ลักษณะนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียนโดยมีคุณภาพอยู่ในระดับมากและผ่านเกณฑ์การประเมิน ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.96 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.21 2) ทักษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน โดยรวมผลการประเมินมีคุณภาพอยู่ในระดับดีและดีมากรวมกันมากกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์การประเมิน 3)ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 ปีการศึกษา 2559 4) พบว่าในภาพรวมของโรงเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคิดเป็นร้อยละ 73.37 บรรลุตามเป้าหมายที่โรงเรียนกำหนดไว้ คือ ร้อยละ 68 4)ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3ปีการศึกษา 2559 เมื่อเปรียบเทียบกับปีการศึกษา 2558 พบว่า ทั้งด้านภาษา คำนวณ และด้านเหตุผล มีผลสัมฤทธิ์ที่เพิ่มขึ้นกว่าปีการศึกษา 2558 คือ ด้านเหตุผล เพิ่มขึ้นมากที่สุด คือร้อยละ 15.19 รองลงมา คือ ด้านภาษา เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.07 และด้านคำนวณเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.40 5) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2558 และ 2559 เมื่อเปรียบเทียบกับปีการศึกษา 2558 สาระการเรียนรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติเพิ่มขึ้น จากปีการศึกษา 2558 โดย สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ เพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ ร้อยละ 7.68 รองลงมาคือ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ร้อยละ 2.72 และสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ร้อยละ 0.73 ตามลำดับ แต่ในสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติลดลงจากปีการศึกษา 2558 โดยสารการเรียนรู้สังคมศึกษา ลดลงมากที่สุด คือร้อยละ 2.53 และสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ลดลง ร้อยละ 1.16 6)พฤติกรรมการสอนของครูโดยการส่งเสริมให้นักเรียนใช้แหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนและนอกโรงเรียนโดยรวมคุณภาพอยู่ในระดับดีและดีมากรวมกันมากกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์การประเมิน 7)ความพึงพอใจที่มีต่อโครงการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียน พบว่า ทั้งนักเรียน ครู และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความพึงพอใจที่สอดคล้องกัน คือ ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์และภาวะผู้นำในการดำเนินการตามโครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน ซึ่งมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากและผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.50 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.56 ผลการประเมินความพึงพอใจของครูมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.67 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.50 และผลการประเมินความพึงพอใจของกรรมการสถานศึกษามีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.43 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.54
สรุปผลการประเมินโครงการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมไทร ปีการศึกษา 2559 ด้านสภาพแวดล้อม ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิตของโครงการ ในภาพรวมพบว่า มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดและผ่านเกณฑ์การประเมิน
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้
1. ควรมีการส่งเสริมการใช้แหล่งเรียนรู้ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียนในการเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและมีการกำกับ ติดตาม และประเมินผลเพื่อนำผลมาปรับปรุงและพัฒนาโครงการต่อไป
2. โรงเรียนควรมีการประชาสัมพันธ์โครงการเผยแพร่ผลการพัฒนาเพื่อให้โรงเรียนที่มีบริบทใกล้เคียงกันสามารถนำไปปรับใช้เพื่อพัฒนานิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียน
ข้อเสนอแนะสำหรับการศึกษาพัฒนาครั้งต่อไป
1. ควรศึกษาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการปรับภูมิทัศน์จัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียน
2. ควรศึกษาการเปรียบเทียบกิจกรรมต่างๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างยั่งยืน
3. ควรมีการศึกษาความคงทนและการเปลี่ยนแปลงของผลผลิตหลังสิ้นสุดโครงการในปีการศึกษาต่อไป