ผู้วิจัย สุภาภรณ์ สัตถาพร
สถานศึกษา โรงเรียนพนมศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 11
ปีที่วิจัย 2560
บทคัดย่อ
จากการจัดการเรียนรู้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนพนมศึกษา อำเภอพนม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 ในสภาพปัจจุบันยังประสบปัญหาคือในปีการศึกษา 2559ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา คิดเป็นร้อยละ 69.40 ซึ่งต่ำกว่า ที่โรงเรียนได้ตั้งเป้าหมายไว้ ที่ร้อยละ 80.00 ซึ่งปัญหาดังกล่าวถ้าไม่ได้รับการแก้ไข จะส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึก เรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรค และความปลอดภัยในชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สร้างขึ้นที่มีประสิทธิภาพ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรคและความปลอดภัยในชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลัง การเรียนโดยใช้แบบฝึก 3) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 2 ที่มีต่อการสอนโดยใช้แบบฝึก เรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรค และความปลอดภัยในชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการสอนโดยใช้แบบฝึก เรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรคและความปลอดภัยในชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 โรงเรียนพนมศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 37 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) แบบฝึกเรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรคและความปลอดภัยในชีวิต ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 5 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประกอบ
การใช้แบบฝึกเรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรคและความปลอดภัยในชีวิต จำนวน 20 แผน ใช้สอนในชั่วโมงปกติ ทดลองใช้วันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ถึงวันที่ 14 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรคและความปลอดภัยในชีวิต ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 1 ฉบับ จำนวน 30 ข้อ และแบบทดสอบวัดความสามารถทางการเรียนท้ายแบบฝึก เป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 5 ฉบับ ฉบับละ 10 ข้อ แบบทดสอบ มีค่าความยากง่าย ตั้งแต่ 0.26 ถึง 0.57 และค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ 0.56 ถึง 0.93 ค่าความเชื่อมั่น มีค่าเท่ากับ .7210 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการสอนโดยใช้แบบฝึก เรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรค และความปลอดภัยในชีวิต เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ซึ่งมี 5 ระดับ จำนวน 1 ฉบับ จำนวน 15 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ตั้งแต่ 1.780 ถึง 2.703 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ .752 สถิติที่ใช้ ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐาน โดยใช้สูตร t test (Dependent Samples)
สรุปผลการวิจัย
1. แบบฝึก เรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรคและความปลอดภัยในชีวิต นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการ (E1) และผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 83.56/81.98 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรคและความปลอดภัยในชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังการเรียนโดยใช้แบบฝึก มีคะแนนสูงกว่าคะแนนก่อนการเรียน โดยใช้แบบฝึก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการสอนโดยใช้แบบฝึก เรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรค และความปลอดภัยในชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา เท่ากับ 0.5652 หรือคิดเป็นร้อยละ 56.52
4. นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการเรียน โดยใช้แบบฝึก เรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การป้องกันโรค และความปลอดภัยในชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( x̄ = 4.39. S.D. = .64 ) ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้