ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาวิธีการสอนแบบเน้นทักษะการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย จังหวัดเชียงใหม่
ชื่อผู้วิจัย อาภาภรณ์ วงค์คำจันทร์
ปีที่รายงาน 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนาวิธีการสอนแบบเน้นทักษะการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย จังหวัดเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาในการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) สร้างและพัฒนาวิธีการสอนแบบเน้นทักษะการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย จังหวัดเชียงใหม่ 3) ศึกษาผลการทดลองใช้วิธีการสอนแบบเน้นทักษะการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และ 4) ประเมินผลวิธีการสอนแบบเน้นทักษะการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 58 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัญหาในการจัดการเรียนการสอนและแบบสัมภาษณ์ความต้องการในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ในรายวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง งานประดิษฐ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) แผนการจัดการเรียนรู้ โดยวิธีการสอนแบบเน้นทักษะการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย จังหวัดเชียงใหม่ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น 4) แบบวัดทักษะการปฏิบัติงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าประสิทธิภาพโดยใช้สูตร E1/ E2 ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชื่อมั่น ผลการศึกษาพบว่า
1. สภาพปัญหา สาเหตุและแนวทางในการพัฒนาทักษะการปฏิบัติ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 คือ นักเรียนขาดทักษะในการปฏิบัติงาน ไม่สามารถวางแผนในการทำงาน ใช้เครื่องมืออุปกรณ์ยังไม่ถูกวิธี ไม่มีลำดับขั้นตอนในการทำงานและขาดความละเอียดรอบคอบ เนื่องจากขาดความรู้และประสบการณ์ในการทำงานประดิษฐ์ ผู้วิจัยจึงได้หาแนวทางในการพัฒนา ด้วยการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบเน้นทักษะการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย จังหวัดเชียงใหม่
2. ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบเน้นทักษะการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดท่าสะต๋อย จังหวัดเชียงใหม่ มีค่าเท่ากับ 88.05 / 87.01 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80 / 80 ที่กำหนดไว้
3. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบเน้นทักษะการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่นสูงกว่าก่อนเรียน
4. นักเรียนมีทักษะในการปฏิบัติงานผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ทุกคน หลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบเน้นทักษะการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 100
5. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อแผนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบเน้นทักษะการปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและในท้องถิ่น อยู่ในระดับมาก