ชื่อเรื่อง การประเมินโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
โรงเรียนโนนปูนวิทยาคม อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ
ชื่อผู้วิจัย นางณัฐนี ศิริพร ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนโนนปูนวิทยาคม
วิทยฐานะ รองผู้อำนวยการชำนาญการ
ปีที่รายงาน 2560
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
การประเมินโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โรงเรียนโนนปูนวิทยาคม อำเภอไพรบึง จังหวัด ศรีสะเกษ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินโครงการในด้านต่างๆ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านบริบท (Context Evaluation) ด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) ด้านกระบวนการ (Process Evaluation) และด้านผลผลิต (Product Evaluation) โดยในส่วนด้านผลิตนั้นมีการประเมินแบ่งออกเป็น 4 ด้านย่อย ประกอบด้วย ผลกระทบ ประสิทธิผล ความยั่งยืน และความสามารถในการขยายผลโครงการ
ประชากร คือ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน จำนวน 244 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 1 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 21 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 15 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 111 คน นักเรียน จำนวน 111 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการศึกษาครั้งนี้ เป็นแบบสอบถาม จำนวน 3 ฉบับ สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สำหรับผู้ปกครอง และสำหรับนักเรียน ซึ่งแต่ละฉบับมีรายละเอียดดังนี้ ฉบับที่ 1 ประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบสอบถาม ความคิดเห็นเกี่ยวกับด้านบริบท ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต 1) ความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบ 2) ประสิทธิผล 3) ความยั่งยืน 4) ความสามารถในการขยายผลโครงการ ฉบับที่ 2 ประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ความคิดเห็นเกี่ยวกับด้านกระบวนการและด้านผลผลิต 1) ความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบ 2) ประสิทธิผล 3) ความยั่งยืน 4) ความสามารถในการขยายผลโครงการ และฉบับที่ 3 ประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบสอบถาม ความคิดเห็นเกี่ยวกับ ด้านกระบวนการและด้านผลผลิต 1) ความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบ 2) ประสิทธิผล 3) ความยั่งยืน 4) ความสามารถในการขยายผลโครงการ ซึ่งแบบสอบถามแต่ละฉบับจะประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้ แบบสอบถามเป็นแบบให้เลือกตอบ (Check List) เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ตามแบบของลิเคอร์ท และแบบปลายเปิด (Open Ended)
ผู้ประเมินใช้รูปแบบการประเมินแบบ CIPPIEST Model ซึ่งเป็นการประเมินโครงการที่ต่อยอดจากการประเมินแบบ CIPP MODEL โดยแบ่งการประเมินออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ การประเมินบริบท (Context Evaluation) การประเมินปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) และการประเมินผลผลิต (Product Evaluation) ในส่วนที่เป็นการประเมินผลผลิตนั้นมีการประเมินแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ตามลำดับของการดำเนินงานตามโครงการ 3 ระยะ คือ 1) การประเมินก่อนเริ่มดำเนินโครงการทำการประเมินใน 2 ด้าน ได้แก่ การประเมินด้านบริบท (Context Evaluation) และการประเมินด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) 2) การประเมินขณะดำเนินโครงการ (Process Evaluation) เป็นการประเมินด้านกระบวนการ และ3) การประเมินหลังสิ้นสุดโครงการ (Product Evaluation) เป็นการประเมินด้านผลผลิตของโครงการประกอบด้วย ผลกระทบ ประสิทธิผล ความยั่งยืน และความสามารถในการขยายผลโครงการ
การวิเคราะห์ข้อมูลโดยนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป โดยแจกแจงความถี่ คำนวณหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( )
สรุปผลการประเมินโครงการ
ผลการประเมินโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โรงเรียนโนนปูนวิทยาคม มีดังนี้
1. ผลการประเมินด้านบริบท (Context Evaluation) รายละเอียดดังนี้
ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า อยู่ในระดับมากและมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับแผน นโยบายชาติ อาทิ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนาการศึกษาชาติ รองลงมาคือ วัตถุประสงค์ของโครงการมีความชัดเจน นำไปสู่การปฏิบัติได้จริง และวัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับความต้องการของชุมชน
2. ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) รายละเอียดดังนี้
ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวมพบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า อยู่ในระดับมากและมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ โรงเรียนประสานและแสวงหาความร่วมมือจากชุมชน แหล่งเรียนรู้นอกสถานศึกษา ภูมิปัญญาท้องถิ่นร่วมในการดำเนินโครงการและจัดกิจกรรม ครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจในหลักการและแนวดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามโครงการ รองลงมาคือ นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินโครงการ งบประมาณที่ใช้มีความเหมาะสม คู่มือการดำเนินโครงการมีรายละเอียดชัดเจน เข้าใจง่าย นำไปปฏิบัติได้ และโรงเรียนกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการอย่างชัดเจน โรงเรียนดำเนินการขับเคลื่อนนโยบาย ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้อย่างต่อเนื่อง
3. ผลการประเมินด้านกระบวนการ (Process Evaluation) รายละเอียดดังนี้
3.1 โดยภาพรวม ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากและมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ โรงเรียนได้มีการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์การดำเนินงานให้กับผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ รองลงมาคือ กำหนดกิจกรรมได้ตอบสนองความต้องการและศักยภาพของผู้เรียน และมีการปรับโครงสร้างเวลาเรียนและจัดทำตารางเรียนเหมาะสมกับการจัดกิจกรรม มีการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้รับผิดชอบโครงการและครูผู้สอนเพื่อพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง
3.2 โดยภาพรวม ผู้ปกครองนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ โรงเรียนมีการประชาสัมพันธ์โครงการให้ผู้ปกครองได้รับทราบ รองลงมาคือ ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการกำหนดการประเมินผลโครงการ และผู้ปกครองเข้าร่วมประชุมชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจในหลักการ วัตถุประสงค์และการดำเนินงานในกิจกรรมของโครงการ
3.3 โดยภาพรวม นักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ นักเรียนเข้าร่วมประชุมชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจในหลักการ วัตถุประสงค์และการดำเนินงานในกิจกรรมของโครงการ รองลงมาคือ นักเรียนได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นระหว่างการปฏิบัติกิจกรรมของโครงการ และโรงเรียนมีการประชาสัมพันธ์โครงการให้นักเรียนได้รับทราบ
4. ผลการประเมินด้านผลผลิต (Product Evaluation) มีการประเมินใน 4 ด้าน ซึ่งประกอบด้วย 4.1 ด้านผลกระทบ (Impact Evaluation) 4.2 ด้านประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation) 4.3 ด้านความยั่งยืน (Sustainability Evaluation) 4.4 ด้านความสามารถในการขยายผล (Transportability Evaluation) เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน สรุปผลได้ดังนี้
4.1 ด้านผลกระทบ (Impact Evaluation)
4.1.1 ในภาพรวม ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากและมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่โรงเรียนกำหนด รองลงมาคือ ช่วยให้นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองจากการได้ลงมือปฏิบัติ และช่วยให้นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุขจากการได้เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมตามความสนใจของตนเอง ส่งเสริมให้นักเรียนได้แสดงออกและคิดอย่างสร้างสรรค์ ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้นและเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง มากกว่าการเรียนรู้จากการทำแบบฝึกหัดและการท่องจำ ช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
4.1.2 ในภาพรวม ผู้ปกครองนักเรียนมีความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากและมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข รองลงมาคือ ได้มีส่วนร่วมในการปลูกจิตสำนึกการทำประโยชน์ต่อสังคมให้แก่นักเรียน และมีโอกาสให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อการพัฒนานักเรียน
4.1.3 ในภาพรวม นักเรียน มีความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ ช่วยให้ข้าพเจ้าได้พัฒนาการเรียนรู้ของตนเองอย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือ ช่วยให้ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาในการเรียนทั้งด้านวิชาการและการปฎิบัติอย่างเหมาะสม และส่งเสริมให้ข้าพเจ้ากล้าแสดงออกมากขึ้น ส่งเสริมให้ข้าพเจ้าได้ฝึกทักษะการทำงานเป็นทีม
4.2 ด้านประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation)
4.2.1 ในภาพรวม ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากและมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ นักเรียนมีความรอบรู้วิชาการที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต การศึกษาและการเรียนรู้ รองลงมาคือ นักเรียนสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองจากการลงมือปฏิบัติ และนักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ นักเรียนมีความสามารถทางภาษา
4.2.2 ในภาพรวม ผู้ปกครองนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากและมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ นักเรียนอยู่อย่างพอเพียงและมีวินัยทางการเงิน รองลงมาคือ นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติอย่างสร้างสรรค์ นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่องานและเห็นคุณค่าของการทำงาน และนักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม
4.2.3 ในภาพรวม นักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านย่อย พบว่า ด้านย่อยที่ 1) การบรรลุตามวัตถุประสงค์โครงการ อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ นักเรียนเกิดการพัฒนาในองค์ 4 แห่งการเรียนรู้ รองลงมาคือ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และนักเรียนค้นพบศักยภาพของตนเอง ด้านย่อยที่ 2) ผลการพัฒนานักเรียนใน 4 ด้าน (4 H) ในกิจกรรมเพิ่มเวลารู้ 8 กิจกรรม พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายกิจกรรมพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุดทุกกิจกรรม เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ กิจกรรมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยและสมุนไพรท้องถิ่น กิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมขะแมร์ เจรียง และกิจกรรมเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมท้องถิ่นบ้านเรา รายละเอียด รายกิจกรรม ดังนี้
1) กิจกรรมเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมท้องถิ่นบ้านเรา โดยภาพรวมพบว่ามีผลการพัฒนานักเรียนใน 4 ด้าน (4 H) อยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ รายละเอียดดังนี้
ด้านพุทธิศึกษา (Head) พบว่า นักเรียนมีความรอบรู้วิชาการที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต การศึกษาและการเรียนรู้ นักเรียนมีความสามารถในการสื่อสาร การนำเสนอ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รองลงมาคือนักเรียนมีความสามารถด้านการแก้ปัญหา และนักเรียนมีความรู้และทักษะในการทำงาน
ด้านจริยศึกษา (Heart) พบว่า นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม รองลงมาคือ นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และมีสำนึกที่ดีต่อส่วนรวมนักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และมีสำนึกที่ดีต่อส่วนรวม นักเรียนมีความ เสียสละ อดทน มุ่งมั่นในการทำงาน และนักเรียนมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและหวงแหนสมบัติของชาติ
ด้านหัตถศึกษา (Hand) พบว่า นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติอย่างสร้างสรรค์ รองลงมาคือ นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่องาน และเห็นคุณค่าของการทำงาน นักเรียนอยู่อย่างพอเพียงและมีวินัยทางการเงิน และนักเรียนมีทักษะทางอาชีพ
ด้านพลศึกษา (Health) พบว่า นักเรียนผ่อนคลายจากความเครียด รองลงมาคือ นักเรียนรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการและ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอ และนักเรียนดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตนเองอยู่เสมอและมีสุขาภิบาลที่ดี
2) กิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมขะแมร์ เจรียง โดยภาพรวมพบว่ามีผลการพัฒนานักเรียนใน 4 ด้าน (4 H) อยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ รายละเอียดดังนี้
ด้านพุทธิศึกษา (Head) พบว่า นักเรียนมีความสามารถในการสื่อสาร การนำเสนอ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รองลงมาคือนักเรียนมีความสามารถด้านการแก้ปัญหา และนักเรียนมีความรอบรู้วิชาการที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต การศึกษาและการเรียนรู้ นักเรียนมีความรู้และทักษะในการทำงาน
ด้านจริยศึกษา (Heart) พบว่า นักเรียนมีความ เสียสละ อดทน มุ่งมั่นในการทำงาน รองลงมาคือ นักเรียนมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและหวงแหนสมบัติของชาติ และนักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม
ด้านหัตถศึกษา (Hand) พบว่า นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติอย่างสร้างสรรค์ รองลงมาคือ นักเรียนอยู่อย่างพอเพียงและมีวินัยทางการเงิน และนักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่องาน และเห็นคุณค่าของการทำงาน
ด้านพลศึกษา (Health) พบว่า นักเรียนผ่อนคลายจากความเครียด รองลงมาคือ นักเรียนรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการและ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอ และนักเรียนดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตนเองอยู่เสมอและมีสุขาภิบาลที่ดี
3) กิจกรรมสะพานไม้ไอศกรีม โดยภาพรวมพบว่ามีผลการพัฒนานักเรียนใน 4 ด้าน (4 H) อยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ รายละเอียดดังนี้
ด้านพุทธิศึกษา (Head) พบว่า นักเรียนมีความรู้และทักษะในการทำงาน รองลงมาคือ นักเรียนมีความสามารถในการสื่อสาร การนำเสนอ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนักเรียนมีความสามารถด้านการแก้ปัญหา
ด้านจริยศึกษา (Heart) พบว่า นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม นักเรียนมีความ เสียสละ อดทน มุ่งมั่นในการทำงาน รองลงมาคือ นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และมีสำนึกที่ดีต่อส่วนรวม และนักเรียนมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและหวงแหนสมบัติของชาติ
ด้านหัตถศึกษา (Hand) พบว่า นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติอย่างสร้างสรรค์ นักเรียนอยู่อย่างพอเพียงและมีวินัยทางการเงิน รองลงมาคือ นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่องาน และเห็นคุณค่าของการทำงาน และนักเรียนมีทักษะทางอาชีพ
ด้านพลศึกษา (Health) พบว่า นักเรียนผ่อนคลายจากความเครียด นักเรียนรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอ รองลงมาคือ นักเรียนดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตนเองอยู่เสมอและมีสุขาภิบาลที่ดี และนักเรียนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีเจตคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพ
4) กิจกรรมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยและสมุนไพรท้องถิ่น โดยภาพรวมพบว่ามีผลการพัฒนานักเรียนใน 4 ด้าน (4 H) อยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ รายละเอียดดังนี้
ด้านพุทธิศึกษา (Head) พบว่า นักเรียนมีความรอบรู้วิชาการที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต การศึกษาและการเรียนรู้ รองลงมาคือ นักเรียนสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองจากการลงมือปฏิบัติ และนักเรียนมีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ
ด้านจริยศึกษา (Heart) พบว่า นักเรียนมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและหวงแหนสมบัติของชาติ รองลงมาคือ นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม นักเรียนมีความ เสียสละ อดทน มุ่งมั่นในการทำงาน และนักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และมีสำนึกที่ดีต่อส่วนรวม
ด้านหัตถศึกษา (Hand) พบว่า นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติอย่างสร้างสรรค์ นักเรียนอยู่อย่างพอเพียงและมีวินัยทางการเงิน รองลงมาคือ นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่องาน และเห็นคุณค่าของการทำงาน และนักเรียนมีทักษะทางอาชีพ
ด้านพลศึกษา (Health) พบว่า นักเรียนรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการและ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอ นักเรียนผ่อนคลายจากความเครียด รองลงมาคือ นักเรียนดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตนเองอยู่เสมอและมีสุขาภิบาลที่ดี และนักเรียนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีเจตคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพ
5) กิจกรรมขยับกาย สบายชีวี ด้วยวิถีแดนซ์เซอร์ไซส์ สไตล์โนนปูน โดยภาพรวมพบว่ามีผลการพัฒนานักเรียนใน 4 ด้าน (4 H) อยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ รายละเอียดดังนี้
ด้านพุทธิศึกษา (Head) พบว่า นักเรียนมีความสามารถในการสื่อสาร การนำเสนอ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รองลงมาคือ นักเรียนมีความสามารถด้านการแก้ปัญหา และนักเรียนมีความรู้และทักษะในการทำงาน
ด้านจริยศึกษา (Heart) พบว่า นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และมีสำนึกที่ดีต่อส่วนรวม รองลงมาคือ นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม นักเรียนมีความ เสียสละ อดทน มุ่งมั่นในการทำงาน และนักเรียนมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและหวงแหนสมบัติของชาติ
ด้านหัตถศึกษา (Hand) พบว่า นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติอย่างสร้างสรรค์ รองลงมาคือ นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่องาน และเห็นคุณค่าของการทำงาน และนักเรียนมีทักษะทางอาชีพ
ด้านพลศึกษา (Health) พบว่า นักเรียนรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการและ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอ นักเรียนผ่อนคลายจากความเครียด รองลงมาคือ นักเรียนดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตนเองอยู่เสมอและมีสุขาภิบาลที่ดี และนักเรียนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีเจตคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพ
6) กิจกรรมโนนปูนเบเกอรี่ โดยภาพรวมพบว่ามีผลการพัฒนานักเรียนใน 4 ด้าน (4 H) อยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ รายละเอียดดังนี้
ด้านพุทธิศึกษา (Head) พบว่า นักเรียนมีความรู้และทักษะในการทำงานรองลงมาคือ นักเรียนมีความสามารถในการสื่อสาร การนำเสนอ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนักเรียนมีความสามารถด้านการแก้ปัญหา
ด้านจริยศึกษา (Heart) พบว่า นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม รองลงมาคือ นักเรียนมีความ เสียสละ อดทน มุ่งมั่นในการทำงาน และนักเรียนมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและหวงแหนสมบัติของชาติ
ด้านหัตถศึกษา (Hand) พบว่า นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติอย่างสร้างสรรค์ รองลงมาคือ นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่องาน และเห็นคุณค่าของการทำงาน และนักเรียนมีทักษะทางอาชีพ นักเรียนอยู่อย่างพอเพียงและมีวินัยทางการเงิน
ด้านพลศึกษา (Health) พบว่า นักเรียนรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการและ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอ รองลงมาคือ นักเรียนผ่อนคลายจากความเครียด และนักเรียนดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตนเองอยู่เสมอและมีสุขาภิบาลที่ดี
7) กิจกรรมอนามัยวัยทีน โดยภาพรวมพบว่ามีผลการพัฒนานักเรียนใน 4 ด้าน (4 H) อยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ รายละเอียดดังนี้
ด้านพุทธิศึกษา (Head) พบว่า นักเรียนมีความรอบรู้วิชาการที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต การศึกษาและการเรียนรู้ รองลงมาคือ นักเรียนสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองจากการลงมือปฏิบัติ นักเรียนมีความสามารถในการสื่อสาร การนำเสนอ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนักเรียนมีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ
ด้านจริยศึกษา (Heart) พบว่า นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม นักเรียนมีความ เสียสละ อดทน มุ่งมั่นในการทำงาน รองลงมาคือ นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และมีสำนึกที่ดีต่อส่วนรวม และนักเรียนมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและหวงแหนสมบัติของชาติ
ด้านหัตถศึกษา (Hand) พบว่า นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติอย่างสร้างสรรค์ รองลงมาคือ นักเรียนอยู่อย่างพอเพียงและมีวินัยทางการเงิน และนักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่องาน และเห็นคุณค่าของการทำงาน
ด้านพลศึกษา (Health) พบว่า นักเรียนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และมี เจตคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพ รองลงมาคือนักเรียนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีเจตคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพ นักเรียนรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการและ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอ และนักเรียนผ่อนคลายจากความเครียด
8) กิจกรรมดอกไม้กระดาษกับงาน Décor โดยภาพรวมพบว่ามีผลการพัฒนานักเรียนใน 4 ด้าน (4 H) อยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ รายละเอียดดังนี้
ด้านพุทธิศึกษา (Head) พบว่า นักเรียนมีความรอบรู้วิชาการที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต การศึกษาและการเรียนรู้ รองลงมาคือ นักเรียนสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองจากการลงมือปฏิบัติ และนักเรียนมีความสามารถในการสื่อสาร การนำเสนอ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ด้านจริยศึกษา (Heart) พบว่า นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม รองลงมาคือ นักเรียนมีความ เสียสละ อดทน มุ่งมั่นในการทำงาน และนักเรียนมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและหวงแหนสมบัติของชาติ
ด้านหัตถศึกษา (Hand) พบว่า นักเรียนมีทักษะการปฏิบัติอย่างสร้างสรรค์ รองลงมาคือ นักเรียนอยู่อย่างพอเพียงและมีวินัยทางการเงิน และนักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่องาน และเห็นคุณค่าของการทำงาน
ด้านพลศึกษา (Health) พบว่า นักเรียนผ่อนคลายจากความเครียด รองลงมาคือ นักเรียนรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการและ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอ และนักเรียนดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตนเองอยู่เสมอและมีสุขาภิบาลที่ดี
4.3 ด้านความยั่งยืน (Sustainability Evaluation)
4.3.1 ในภาพรวม ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าอยู่ในระดับมากและมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ โรงเรียนนำแนวนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้มาเป็นนโยบายหนึ่งในการจัดการเรียนการสอน โรงเรียนจัดสรรงบประมาณในการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้มาถ่ายทอดให้แก่บุคคลในครอบครัว และชุมชนได้ รองลงมาคือ ครูผู้สอนมีการวัด ประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง ครูผู้สอนนำแนวทางการจัดการเรียนรู้ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ไปบูรณาการกับนักเรียนชั้นอื่นๆ และสภาพปัญหาที่พบในการดำเนินโครงการได้รับการติดตามแก้ไข
4.3.2 ในภาพรวม ผู้ปกครองนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้มาถ่ายทอดให้แก่บุคคลในครอบครัว และชุมชนได้ รองลงมาคือ โรงเรียนนำผลการนิเทศ กำกับ ติดตามแต่ละกิจกรรมมาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และหน่วยงานต้นสังกัดกำหนดเป็นนโยบาย ให้ความสำคัญและสนับสนุนการดำเนินโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ของโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง
4.3.3 ในภาพรวม นักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ โรงเรียนนำผลการนิเทศ กำกับ ติดตามแต่ละกิจกรรมมาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือ นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้มาเชื่อมโยงพัฒนาการเรียนรู้ของตนเองในสาระการเรียนรู้อื่นๆได้อย่างต่อเนื่อง และโรงเรียนจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ อาคารสถานที่ วิทยากร ครูผู้รับผิดชอบอย่างเพียงพอ ต่อเนื่อง
4.4 ด้านความสามารถในการขยายผล (Transportability Evaluation)
4.4.1 ในภาพรวม ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าอยู่ในระดับมากและมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ โรงเรียนมีจุดเด่นและเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินโครงการ นักเรียนสามารถความรู้และทักษะต่างๆไปแนะนำและถ่ายทอดให้เพื่อนและคนในครอบครัวได้อย่างถูกต้อง รองลงมาคือ โรงเรียนเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โรงเรียนนำแนวนโยบายการดำเนินการโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้มาใช้ในการพัฒนานักเรียนในชั้นอื่นๆด้วย และนักเรียนสามารถนำประสบการณ์และข้อมูลย้อนกลับมาใช้ในการปรับปรุงพัฒนาตนเองได้อย่างถูกต้องจนเกิดผลดีมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น
4.4.2 ในภาพรวม ผู้ปกครองนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็น รายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ โรงเรียนมีแนวทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ครอบคลุมความต้องการของผู้ปกครอง ชุมชน รองลงมาคือ โรงเรียนเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ และโรงเรียนประสบผลสำเร็จในการดำเนินโครงการสามารถเป็นแบบอย่างในการดำเนินโครงการแก่โรงเรียนอื่นๆได้ นักเรียนสามารถความรู้และทักษะต่างๆไปแนะนำและถ่ายทอดให้เพื่อนและคนในครอบครัวได้
4.4.3 ในภาพรวม นักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ นักเรียนสามารถสามารถนำประสบการณ์และข้อมูลย้อนกลับมาใช้ในการปรับปรุงพัฒนาตนเองได้อย่างถูกต้องจนเกิดผลดีมีผลสัมฤทธิ์ทางการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) ที่สูงขึ้น รองลงมาคือนักเรียนสามารถบูรณาการความรู้และทักษะต่างๆไปสู่การปฏิบัติจริงได้ และนักเรียนสามารถสามารถนำประสบการณ์และข้อมูลย้อนกลับมาใช้ในการปรับปรุงพัฒนาตนเองได้อย่างถูกต้องจนเกิดผลดีมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำผลการวิจัยไปใช้
1. ด้านบริบทของโครงการ ควรศึกษากรอบนโยบายรวมทั้งแนวทางการดำเนินโครงการของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นโดยละเอียดและชัดเจนเพื่อให้การจัดทำโครงการของโรงเรียนสอดคล้องและตรงกับนโยบาย การจัดทำโครงการต่างๆ ควรจัดทำให้ถูกต้อง ตามกระบวนการขั้นตอนและควรเป็นโครงการที่มุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์กับนักเรียนมากที่สุด
2. ด้านกระบวนการของโครงการ ควรมีการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมในอีกหลายช่องทาง เพื่อให้ชุมชน สังคม หรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับรู้ข่าวสารเพิ่มขึ้น
3. การพัฒนานักเรียนใน 4 ด้าน (4 H) ประกอบด้วย ด้านพุทธิศึกษา (Head) ด้าน จริยศึกษา (Heart) ด้านหัตถศึกษา (Hand) และด้านพลศึกษา (Health) ควรส่งเสริมการนำแนวทางตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ลงสู่กิจกรรมการเรียนการสอนด้วยวิธีการที่หลากหลายเหมาะสมกับความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียน ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนมีทักษะในการคิดวิเคราะห์ มีทักษะชีวิต สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ ได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ ตามความสนใจ ความชอบ และความถนัด รู้จักการทำงานเป็นทีม รู้จักปรับตัวในการดำรงชีวิตในสังคม และมีความสุขกับการเรียนรู้
4. หน่วยงานต้นสังกัดควรสร้างความตระหนัก สนับสนุน ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกแก่สถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการพัฒนาผู้บริหาร ครูกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและชุมชนให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่นักเรียนเป็นสำคัญผ่านกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ และการนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผลอย่างต่อเนื่องเพื่อการปรับปรุงพัฒนาที่ยั่งยืน
ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป
1. ควรมีการติดตามผลนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาตามโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้โรงเรียนโนนปูนวิทยาคม อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อนำผลมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุง พัฒนาโครงการต่อไป
2. ควรมีการวิจัยเพื่อพัฒนาระบบการพัฒนาผู้บริหาร ครูผู้สอนและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความสามารถในการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ผ่านกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้