ผู้ศึกษา นางเกดแก้ว บุทธิจักร
โรงเรียน ทีโอเอวิทยา (เทศบาล ๑ วัดคำสายทอง) กองการศึกษา เทศบาลเมืองมุกดาหารจังหวัดมุกดาหาร กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่ศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่อง แสงและการมองเห็น ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง แสงและการมองเห็น ให้มีค่าดัชนีประสิทธิผลตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่อง แสงและการมองเห็น ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน (4) เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่อง แสงและการมองเห็น (5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่อง แสงและการมองเห็น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในแบบแผนการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนทีโอเอวิทยา (เทศบาล ๑ วัดคำสายทอง) ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) แล้วจับสลากเลือกมา 1 ห้องเรียน เนื่องจากนักเรียนแต่ละห้องเรียน มีผลการเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน ใกล้เคียงกันทุกห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่อง แสงและการมองเห็น จำนวน 12 แผนฯ ใช้เวลาเรียน 18 ชั่วโมง (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เป็นแบบปรนัยเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่โดยมีค่าความยาก (p) ระหว่าง 0.50 0.88 และ คาอำนาจจำแนก (r) ระหว่าง 0.25 - 0.75 และมีค่าความเชื่อมั่น มีค่าเท่ากับ 0.808 และ (3) แบบทดสอบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่อง แสงและการมองเห็น โดยมีค่าระดับความยาก (p) ระหว่าง 0.50 0.88 และ คาอำนาจจำแนก (r) ระหว่าง 0.25 - 0.75 และมีค่าความเชื่อมั่น มีค่าเท่ากับ 0.890 (4) แบบสอบถามความพึงพอใจ เป็นแบบประเมินชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 4 ด้าน รวม 30 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82 สถิติที่ใช้ในวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Dependent Sample)
ผลการวิจัยพบว่า
1. แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่อง แสงและการมองเห็น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.35/84.60 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง แสงและการมองเห็น มีดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.7 ซึ่งสูงกว่าค่าดัชนีประสิทธิผลที่กำหนดไว้ ( E.I.) = 0.50 ขึ้นไป
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่เรียนตามแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่อง แสงและการมองเห็น หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน หลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่อง แสงและการมองเห็น หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
5. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ ตามแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) เรื่อง แสงและการมองเห็น มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด ซึ่งมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.66