ชื่อเรื่อง รายงานผลการใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านตาอุด
ผู้วิจัย นางสากิยา ศิริวงษ์
ปีที่วิจัย 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านตาอุด ก่อนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระ
การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านตาอุด ที่มีต่อ
การเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Design) ที่มีกลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียวและมีการทดสอบก่อนและหลังเรียน (One Group Pretest - Posttest Design)
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านตาอุด อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 3 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะ เรื่อง พลเมืองดี
ที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
จำนวน 14 เล่ม 2) คู่มือการจัดการเรียนรู้ ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) แบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบตัวเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ
มีค่าความยากตั้งแต่ 0.60 ถึง 0.80 มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.28 ถึง 0.95 และมีค่าความเชื่อมั่น
ทั้งฉบับ เท่ากับ 0.87 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ
เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 10 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.89
การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์โดยการคำนวณหาประสิทธิภาพ E1/E2 หาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที t - test และค่าดัชนีประสิทธิผล E.I.
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะ เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่พัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพ 85.96/84.11 ถือว่าเป็นไป
ตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านตาอุด ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ
เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.5431 คิดเป็นร้อยละ 54.31 แสดงว่า การเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ทำให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านตาอุด
มีความก้าวหน้าในการเรียนเพิ่มขึ้น
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านตาอุด ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ เรื่อง พลเมืองดีที่น่าชื่นชม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มีความพึงพอใจ
ต่อการเรียนอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด ( = 4.57, S.D. = 0.63)