ชื่อเรื่อง รายงานผลการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้ศึกษา บุญสืบ ปานะโปย
หน่วยงาน โรงเรียนบ้านศรีสุข
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทาง
การเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
เรื่องการอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้มี 4 ชนิด คือ แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 10 เล่ม ๆ ละ 4 ชุดฝึก รวม 40 ชุดฝึก แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 20 แผน (ไม่รวมแผนการปฐมนิเทศทดสอบก่อนเรียนและทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ เรื่องการอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และได้ครบตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการ ซึ่งมีค่าความยากของแบบทดสอบอยู่ระหว่าง 0.37- 0.60 และค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบอยู่ระหว่าง 0.21 0.55 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่องการอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อข้อซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scales) จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วย t-test for Dependent Samples
ผลการศึกษาปรากฏ ดังนี้
1. กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
เรื่องการอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ ( / ) เท่ากับ 87.99/83.13
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรม
การเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่องการอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ดัชนีประสิทธิผลของกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่องการอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.7157 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 71.57
4. ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรม
การเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องการอ่านและการเขียนสะกดคำอักษรนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เฉลี่ยเท่ากับ 4.75 ซึ่งแสดงว่านักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด