ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์เรื่อง การบวก ลบและคูณทศนิยม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศ

ชื่อเรื่อง รายงานการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการ เรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องการบวก ลบและคูณทศนิยมสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนชุมชนบ้านคุริง ( มิตรภาพที่ 25 ) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1

ชื่อผู้วิจัย นายสุพิมล โพธิจันทร์

สถานศึกษา โรงเรียนชุมชนบ้านคุริง (มิตรภาพที่25) อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพรเขต 1

ปีที่ทำการวิจัย ปีการศึกษา 2560

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องการบวก ลบและคูณทศนิยมสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้เกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80 เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องการบวก ลบและคูณทศนิยมโดยเทียบกับเกณฑ์ของโรงเรียนร้อยละ 65เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องการบวก ลบและคูณทศนิยมและเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องการบวก ลบและคูณทศนิยม

กลุ่มเป้าหมายคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560โรงเรียนชุมชนบ้านคุริง (มิตรภาพที่ 25) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพรเขต 1จำนวน 17คนได้จากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Samping) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องการบวก ลบและคูณทศนิยมชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 18 แผนโดยใช้เวลาแผนละรวมเวลาที่ใช้สอน 18ชั่วโมงบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องการบวก ลบและคูณทศนิยมชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยวิเคราะห์ข้อมูลหาประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจานวน 30 ข้อที่มีความเชื่อมั่น0.90โดยการเปรียบเทียบร้อยละของคะแนนและเปรียบเทียบโดยการใช้สถิติแบบt-test แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจำนวน 15 ข้อกำหนดข้อมูลตัวชี้วัดโดยใช้เกณฑ์พอใจมากที่สุดพอใจมากพอใจปานกลางพอใจน้อยพอใจน้อยที่สุดผู้วิจัยได้นำเสนอข้อมูลที่ได้จากการทดลองมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานผลการศึกษาสรุปดังนี้

1.ประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนโดยภาพรวมมีค่า 84.49/84.71

เมื่อพิจารณาเป็นชุด พบว่าชุดที่ 1- 8มีค่า เท่ากับ 84.12/84.71 85.29/84.7185.29/84.71 84.12/84.71 83.53/84.71 81.76/84.71 84.71/84.71และ 87.00 / 84.71ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80

2. ผลของการศึกษาคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนพบว่าคะแนนหลังเรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีคะแนนเฉลี่ย 25.41 (S.D.=2.37) คิดเป็นร้อยละ 84.71ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่โรงเรียนตั้งไว้ร้อยละ 65 และเมื่อเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสาระการเรียนคณิตศาสตร์เรื่องเรื่องการบวก ลบ และคูณทศนิยม พบว่ามีคะแนนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยค่าเฉลี่ยคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ( = 25.41 , S.D. =2.37) สูงกว่าก่อนเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ( =16.29 , S.D.= 4.30 ) แสดงให้เห็นว่าบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสาระการเรียนคณิตศาสตร์เรื่องการบวก ลบ และการคูณทศนิยม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนชุมชนบ้านคุริง (มิตรภาพที่ 25)สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพรเขต 1ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มมากขึ้น

3.นักเรียนที่เรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนโดยภาพรวมความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่องการบวก ลบ และการคูณทศนิยม อยู่ในระดับพอใจมาก ( = 4.83,S.D. = 0.07 )หากพิจารณาเป็นรายข้อนักเรียนมีความพึงพอใจมากเป็นสามอันแรกคือนักเรียนไม่รู้สึกอายเพื่อนเมื่อตอบคำถามผิด( =5.00 , =.00 ) รองลงมาคือไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาในการเรียนรู้ด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน( =4.95 , =0.22 ) และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนช่วยให้นักเรียนสามารถฝึกทักษะและทบทวนเนื้อหาได้ดี( =4.90 , =0.31 )ตามลำดับ

โพสต์โดย ครูหน่อง : [2 ก.ค. 2561 เวลา 11:29 น.]
อ่าน [3430] ไอพี : 113.53.204.251
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,693 ครั้ง
ทำไมหนอ ผู้หญิงถึงชอบรองเท้าส้นสูง
ทำไมหนอ ผู้หญิงถึงชอบรองเท้าส้นสูง

เปิดอ่าน 7,397 ครั้ง
เปิด 10 ธุรกิจเด่นปี59 สุขภาพและความงามยังครองแชมป์
เปิด 10 ธุรกิจเด่นปี59 สุขภาพและความงามยังครองแชมป์

เปิดอ่าน 15,410 ครั้ง
ปลุกสมองตื่นตัวด้วย
ปลุกสมองตื่นตัวด้วย 'มื้อเช้า'

เปิดอ่าน 17,372 ครั้ง
กาฬโรคปอด Pneumonic Plague
กาฬโรคปอด Pneumonic Plague

เปิดอ่าน 9,565 ครั้ง
ทำไม ชีวจิต ถึงไม่แนะนำให้รับประทานเนื้อสัตว์
ทำไม ชีวจิต ถึงไม่แนะนำให้รับประทานเนื้อสัตว์

เปิดอ่าน 8,775 ครั้ง
วิธีถนอมดวงตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์
วิธีถนอมดวงตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์

เปิดอ่าน 14,520 ครั้ง
หลังออกกำลังกาย กินอะไรให้ร่างกายฟื้นตัวดี
หลังออกกำลังกาย กินอะไรให้ร่างกายฟื้นตัวดี

เปิดอ่าน 43,155 ครั้ง
คู่มือการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. (ฉบับปรับปรุงแก้ไข)
คู่มือการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. (ฉบับปรับปรุงแก้ไข)

เปิดอ่าน 13,791 ครั้ง
วิธีคั้นมะนาวให้ได้น้ำมาก-ไม่ขม
วิธีคั้นมะนาวให้ได้น้ำมาก-ไม่ขม

เปิดอ่าน 16,656 ครั้ง
ไดร์ผมตรงอย่างมืออาชีพ
ไดร์ผมตรงอย่างมืออาชีพ

เปิดอ่าน 16,939 ครั้ง
มังคุดคัด
มังคุดคัด

เปิดอ่าน 10,091 ครั้ง
นาแปลงเดิม ปลูกด้วยวิธีเดิม ผลลัพธ์เหมือนเดิม
นาแปลงเดิม ปลูกด้วยวิธีเดิม ผลลัพธ์เหมือนเดิม

เปิดอ่าน 21,790 ครั้ง
13-17 พ.ค.2554 ครม.ไฟเขียวให้เป็นวันหยุดยาว 5 วัน
13-17 พ.ค.2554 ครม.ไฟเขียวให้เป็นวันหยุดยาว 5 วัน

เปิดอ่าน 9,454 ครั้ง
ดีเอสไอเตือนชาวเน็ต!! ระวังติดอีเมล์ไวรัสเรียกค่าไถ่
ดีเอสไอเตือนชาวเน็ต!! ระวังติดอีเมล์ไวรัสเรียกค่าไถ่

เปิดอ่าน 17,815 ครั้ง
รู้หรือไม่ว่า 10 ข้อที่เด็กทุกคนในโลกนี้ต้องการมากที่สุดคืออะไร
รู้หรือไม่ว่า 10 ข้อที่เด็กทุกคนในโลกนี้ต้องการมากที่สุดคืออะไร

เปิดอ่าน 55,943 ครั้ง
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561
เปิดอ่าน 6,592 ครั้ง
คู่มือการสอนอ่านเขียนโดยการแจกลูกสะกดคำ
คู่มือการสอนอ่านเขียนโดยการแจกลูกสะกดคำ
เปิดอ่าน 13,969 ครั้ง
พัฒนาทักษะสมองอย่างไรให้เป็นคนที่สำเร็จในอนาคต
พัฒนาทักษะสมองอย่างไรให้เป็นคนที่สำเร็จในอนาคต
เปิดอ่าน 15,710 ครั้ง
สาเหตุของความดันโลหิตสูงที่คาดไม่ถึง
สาเหตุของความดันโลหิตสูงที่คาดไม่ถึง
เปิดอ่าน 68,278 ครั้ง
เทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ