บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการของเมอร์ดอกซ์ (MIA)
ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลัง
การอ่านจากแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการของเมอร์ดอกซ์ (MIA) และเพื่อศึกษาความพึงพอใจ
ของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการของเมอร์ดอกซ์ (MIA) กลุ่มตัวอย่าง
ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนดัดดรุณี
อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2560 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 44 คน ที่ได้มาจากการจับฉลากสุ่มห้องเรียน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ
เพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
ของเมอร์ดอกซ์ (MIA) 2) แผนการจัดการเรียนรู้การใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แบบบูรณาการของเมอร์ดอกซ์ (MIA) 3) แบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการอ่านแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สำหรับ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการของเมอร์ดอกซ์ (MIA) และ
4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการของเมอร์ดอกซ์ (MIA)
ผลการศึกษา พบว่า แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการของเมอร์ดอกซ์ (MIA) ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น
มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้ คือมีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.00/86.14
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการอ่านสูงกว่าก่อนการอ่านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ค่า t เท่ากับ 46.45 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.54