ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกทักษะ

บทคัดย่อ

การศึกษาเรื่อง “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่องลำดับและอนุกรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกทักษะ” มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประชากรในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ จำนวน 18 ห้องเรียน รวมทั้งสิ้น 681 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เลือกมาด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย ได้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 ห้องเรียน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 จำนวน 34 คน กลุ่มตัวอย่างในการทดลองรายบุคคล เลือกมาด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย ได้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 จากนั้นนำนักเรียนมาจัดกลุ่มความสามารถทางการเรียนโดยใช้ผลการเรียนเป็นเกณฑ์ ได้แก่ นักเรียนกลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลาง และกลุ่มอ่อน จากนั้นทำการสุ่มอย่างง่ายเพื่อเลือกนักเรียนมากลุ่มละ 1 คน รวมเป็น 3 คน กลุ่มตัวอย่างในการทดลองกลุ่มย่อย ทำการสุ่มอย่างง่ายเพื่อเลือกนักเรียนจากนักเรียนที่เหลือจากการเลือกกลุ่มตัวอย่างในการทดลองรายบุคคล มากลุ่มละ 3 คน รวมเป็น 9 คน กลุ่มตัวอย่างในการทดลองภาคสนาม เลือกมาด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย จากนักเรียนที่เหลือจากการเลือกกลุ่มตัวอย่างในการทดลองกลุ่มย่อย จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย (1) แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าคุณภาพเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3.67–5.00 (2) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ มีค่าคุณภาพเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3.67–5.00 (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าความตรงเชิงเนื้อหา (IOC) อยู่ระหว่าง 0.67–1.00 มีค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.56–0.87

มีค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.13–0.58 และมีค่าความเชื่อมั่น (KR–20) เท่ากับ 0.749 (4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามความพึงพอใจ เท่ากับ 0.89 และในการดำเนินการทดลอง ผู้วิจัยได้แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ (1) ผลการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ในการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ข้อมูลที่ได้รับเป็นทั้งข้อมูลในเชิงปริมาณและข้อมูลในเชิงคุณภาพ ผู้รายงานได้นำเสนอข้อมูลเหล่านี้ตามลำดับขั้นตอนของการหาประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้ ขั้นทดลองรายบุคคล (1 : 1 : 1) ผู้รายงานได้นำแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่ผ่านการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญไปทำการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 จำนวน 3 คน ที่ได้สุ่มไว้แล้ว ทำการเรียนจนครบทั้ง 5 แบบฝึก เพื่อตรวจสอบความชัดเจนของตัวอักษร ภาพประกอบ การเชื่อมโยง ความบกพร่องด้านภาษา โดยการซักถามและสังเกตพฤติกรรมการใช้แบบฝึกทักษะ จากนั้นนำมาปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง และนำไปใช้ทดลองกลุ่มย่อยต่อไป ขั้นทดลองกลุ่มย่อย (3 : 3 : 3) ผู้รายงานได้นำแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่ผ่านการแก้ไขในขั้นทดลองรายบุคคลมาแล้ว ไปทำการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 จำนวน 9 คน ที่ได้สุ่มไว้แล้ว ทำการเรียนจนครบทั้ง 5 แบบฝึก เพื่อตรวจสอบความชัดเจนของตัวอักษร ภาพประกอบ การเชื่อมโยง ความบกพร่องด้านภาษา โดยการซักถามและสังเกตพฤติกรรมการใช้แบบฝึกทักษะ จากนั้นนำมาปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องจนสมบูรณ์ดีแล้วไปใช้ทดลองภาคสนามต่อไป ขั้นทดลองภาคสนาม (1 ห้องเรียน) ผู้รายงานได้นำแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่ผ่านการแก้ไขในขั้นทดลองกลุ่มย่อยมาแล้ว ไปทำการทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 จำนวน 30 คน ที่ได้สุ่มไว้แล้ว ทำการเรียนในแต่ละบทเรียนแล้วทำแบบทดสอบท้ายบทเรียนจนครบ 5 แบบฝึก และบันทึกผลการทำแบบทดสอบท้ายบทเรียนของนักเรียนทุกคนในทุกแบบฝึก จากนั้นเมื่อนักเรียนเรียนครบแล้วให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนแล้วนำคะแนนที่นักเรียนทำแบบทดสอบท้ายแบบฝึกไปวิเคราะห์ค่า E1 และนำคะแนนการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนไปวิเคราะห์ค่า E2 ซึ่งแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.60/81.50 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ (2) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีคะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเท่ากับ 10.62 มีคะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเท่ากับ 17.97 จากการทดสอบพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (3) ผลการศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับและอนุกรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 10 รายการ และเมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยรวมแล้วนักเรียนมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.91 โดยรายการอยากให้มีแบบฝึกทักษะในการเรียนคณิตศาสตร์เสมอมีค่าเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ 4.97

โพสต์โดย วีระวัช รัตนบุรี : [30 มิ.ย. 2561 เวลา 05:30 น.]
อ่าน [5235] ไอพี : 1.46.230.193
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 38,316 ครั้ง
ระบบการเรียนการสอนของบริกส์ (Briggs Model)
ระบบการเรียนการสอนของบริกส์ (Briggs Model)

เปิดอ่าน 8,484 ครั้ง
School Change Maker festival พลิกโฉมโรงเรียน ป.1 อ่านออกเขียนได้ใน 1 ปี
School Change Maker festival พลิกโฉมโรงเรียน ป.1 อ่านออกเขียนได้ใน 1 ปี

เปิดอ่าน 19,052 ครั้ง
5 สุดยอดผักผลไม้ กินแล้วไม่แก่!
5 สุดยอดผักผลไม้ กินแล้วไม่แก่!

เปิดอ่าน 10,149 ครั้ง
"อยากไปโรงเรียน" โจทย์ใหญ่? พ่อแม่ช่วยลูกได้..ด้วย "สนุก"
"อยากไปโรงเรียน" โจทย์ใหญ่? พ่อแม่ช่วยลูกได้..ด้วย "สนุก"

เปิดอ่าน 24,767 ครั้ง
อาหารดีที่ควรมีติดบ้าน-ทานประจำทำสมองแล่น
อาหารดีที่ควรมีติดบ้าน-ทานประจำทำสมองแล่น

เปิดอ่าน 50,934 ครั้ง
เก่งภาษาอังกฤษ...แบบนีน่า
เก่งภาษาอังกฤษ...แบบนีน่า

เปิดอ่าน 161,500 ครั้ง
หลักการสอนโดย โรเบิร์ต กาเย่ (Robert Gange)
หลักการสอนโดย โรเบิร์ต กาเย่ (Robert Gange)

เปิดอ่าน 10,381 ครั้ง
เปิดม่านการศึกษา : 2 พ.ค. 59 : โดย...ครูแจ่ม
เปิดม่านการศึกษา : 2 พ.ค. 59 : โดย...ครูแจ่ม

เปิดอ่าน 59,793 ครั้ง
ความแตกต่างของการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนกับการวิจัยเชิงวิชาการ
ความแตกต่างของการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนกับการวิจัยเชิงวิชาการ

เปิดอ่าน 14,541 ครั้ง
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ในแต่ละปี
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ในแต่ละปี

เปิดอ่าน 20,993 ครั้ง
รู้ไว้ใช่เสียหาย "กัญชง" ต่างจาก "กัญชา" อย่างไร?
รู้ไว้ใช่เสียหาย "กัญชง" ต่างจาก "กัญชา" อย่างไร?

เปิดอ่าน 13,424 ครั้ง
๒๐ คำถามกับท่าน ว.วชิรเมธี
๒๐ คำถามกับท่าน ว.วชิรเมธี

เปิดอ่าน 33,354 ครั้ง
ประวัติ วัน คริสต์มาส
ประวัติ วัน คริสต์มาส

เปิดอ่าน 21,934 ครั้ง
8 ตำรับใช้ข้าวเป็นยารักษาโรค
8 ตำรับใช้ข้าวเป็นยารักษาโรค

เปิดอ่าน 19,110 ครั้ง
ดูกันชัดๆ ค่าเทอมหลักแสน โรงเรียนอินเตอร์
ดูกันชัดๆ ค่าเทอมหลักแสน โรงเรียนอินเตอร์

เปิดอ่าน 7,856 ครั้ง
สอนภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องสอนคืออะไร ไขข้อข้องใจได้ที่นี่
สอนภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องสอนคืออะไร ไขข้อข้องใจได้ที่นี่
เปิดอ่าน 10,872 ครั้ง
"งานขาย-บริการ-อาหาร" อาชีพที่นายจ้างต้องการคนร่วมงาน
"งานขาย-บริการ-อาหาร" อาชีพที่นายจ้างต้องการคนร่วมงาน
เปิดอ่าน 6,878 ครั้ง
10 เทคนิค ฝึกพูดภาษาอังกฤษให้คล่อง สำเนียงเป๊ะ!
10 เทคนิค ฝึกพูดภาษาอังกฤษให้คล่อง สำเนียงเป๊ะ!
เปิดอ่าน 2,758 ครั้ง
"กระชายขาว" สมุนไพรไทยยอดนิยม สรรพคุณเด่น "เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย"
"กระชายขาว" สมุนไพรไทยยอดนิยม สรรพคุณเด่น "เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย"
เปิดอ่าน 11,546 ครั้ง
ทบทวนระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของไทยเดี๋ยวนี้... ฤๅว่าจะสายเกินไป
ทบทวนระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของไทยเดี๋ยวนี้... ฤๅว่าจะสายเกินไป

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.

Thailand Web Stat

Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ