ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชา
คณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ผู้ศึกษา นางสาวศิรินภา รักษาศรี
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
สถานศึกษา โรงเรียนเสิงสาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31
ปีที่พิมพ์ 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อพัฒนาชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 โรงเรียนเสิงสางวิทยา สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 30 คน ได้มา โดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบ การใช้ชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 16 แผน 2) ชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 16 เล่ม 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 1 ฉบับ 30 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีลักษณะ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) จำนวน 1 ฉบับ 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( ) และการทดสอบความแตกต่างโดยใช้สูตร t test แบบ Dependent Sample
ผลการศึกษา ปรากฏผลดังนี้
1. ชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ ดังนี้ เล่มที่ 1 ทศนิยม เท่ากับ 85.41/83.00 เล่มที่ 2 การเปรียบเทียบทศนิยม เท่ากับ 83.43/82.70 เล่มที่ 3 การบวกทศนิยม เท่ากับ 85.54/84.70 เล่มที่ 4 การลบทศนิยม เท่ากับ 84.57/84.00 เล่มที่ 5 การคูณทศนิยม เท่ากับ 85.50/83.30 เล่มที่ 6 การหารทศนิยม เท่ากับ 87.14/86.00 เล่มที่ 7 การบวก ลบ คูณ หาร ระคนของทศนิยมและโจทย์ปัญหาทศนิยม เท่ากับ 84.57/84.00 เล่มที่ 8 เศษส่วน เท่ากับ 87.29/85.00 เล่มที่ 9 การเปรียบเทียบเศษส่วน เท่ากับ 84.35/84.00 เล่มที่ 10 การบวกเศษส่วน เทากับ 85.10/84.70 เล่มที่ 11 การลบเศษส่วน เท่ากับ 87.72/85.30 เล่มที่ 12 การคูณเศษส่วน เท่ากับ 85.71/83.30 เล่มที่ 13 การหารเศษส่วน เท่ากับ 85.72/82.30 เล่มที่ 14 การบวก ลบ คูณ หาร ระคนของเศษส่วนและโจทย์ปัญหาเศษส่วน เท่ากับ 84.23/83.00 เล่มที่ 15 ความสัมพันธ์ระหว่างทศนิยมและเศษส่วน เท่ากับ 85.41/85.00 และมีประสิทธิภาพโดยรวม เท่ากับ 85.45/84.02 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80
2. ค่าดัชนีประสิทธิผล (The Effectiveness Index : E.I.) ของการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ ด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เท่ากับ 0.6536 ซึ่งแสดงว่านักเรียนที่เรียนด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แล้ว นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.6536 หรือคิดเป็นร้อยละ 65.36
3. ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน
กับหลังเรียนด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ .05
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 อยู่ในระดับ มากที่สุด ( = 4.75 ; = 0.45)
จากการศึกษาครั้งนี้ ทำให้ได้ชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน รายวิชาคณิตศาสตร์ 2 รหัส ค21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ เป็นสื่อการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาสาระ มีทักษะการคิดคำนวณ นักเรียนมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานของหลักสูตร มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนคณิตศาสตร์ในระดับสูงขึ้นต่อไป