การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ คือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสภาพปัญหาและแนวทางการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3.1 ประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ ตามเกณฑ์ 80/80 3.2 การพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ 3.3 ประเมินพฤติกรรมการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนที่เรียนโดยการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ 3.4 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ 4) เพื่อขยายผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ นักเรียน ครู และผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านหน้าวัดโพธิ์ โดยกลุ่มตัวอย่างได้จากการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 33 คน ครู จำนวน 10 คน และผู้ปกครอง จำนวน 33 คน การดำเนินการวิจัยดำเนินการตามขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ขั้นตอนที่ 1 การวิจัย (Research : R1) เป็นการวิเคราะห์ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสภาพปัญหาและแนวทางการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนา (Development : D1) เป็นสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ขั้นตอนที่ 3 การวิจัย(Research : R2) เป็นการศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้แก่ การหาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด(PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ ตามเกณฑ์ 80/80 การพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ การประเมินพฤติกรรมการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนที่เรียนโดยการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอนวิทยาศาสตร์ เรื่อง เธอกับฉันคือสารสำคัญ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และขั้นตอนที่ 4 การพัฒนา(Development : D2) เป็นการขยายผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอนวิทยาศาสตร์ เรื่อง เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นโดยอาศัยแนวคิดจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มี 6 ชุด คือ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL)ร่วมกับเอกสารประกอบการสอนวิทยาศาสตร์ เรื่อง เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2 ) เอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉัน คือ สารสำคัญ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) แบบสอบถามปลายเปิดเกี่ยวกับสภาพปัญหาและแนวทางการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5) แบบประเมินพฤติกรรมการคิดและการแก้ปัญหา และ 6) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอนวิทยาศาสตร์ เรื่อง เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ 1) สถิติที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ คือ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (alpha-coefficient) 2) สถิติพื้นฐาน คือ ค่าร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) 3) สถิติในการทดสอบสมมติฐาน คือ การทดสอบที (t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1.ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสภาพปัญหาและแนวทางในการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปรากฏรายละเอียดดังนี้
1.1 สภาพการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ วิธีการสอนที่ใช้ในปัจจุบัน ยึดหลักความแตกต่างระหว่างบุคคลและให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงโดยเฉพาะกิจกรรมการทดลองจะฝึกให้นักเรียนได้มีทักษะกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ครูจะใช้เทคนิควิธีการสอนที่หลากหลายเพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียน เช่น การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ การสอนแบบทดลอง การสอนแบบสาธิต การสอนแบบบรรยาย การสอนแบบพูดถามตอบ และการสอนแบบโครงงาน เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาเต็มศักยภาพ การใช้สื่อการสอนในการจัดการเรียนการสอนใน/นอกห้องเรียน สื่อที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ สื่อที่ครูผลิตขึ้นเอง สื่อที่ให้นักเรียนผลิตขึ้น และแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน ตัวอย่างสื่อ เช่น คอมพิวเตอร์เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้า ใบความรู้เพิ่มเติม แบบบันทึกการทดลอง แผนภาพ สื่อของจริง หุ่นจำลอง อุปกรณ์การทดลองวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างอาหาร ตัวอย่างหิน ตัวอย่างสารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และแหล่งเรียนรู้ เช่น ต้นไม่ใหญ่ กองใบไม้ผุ ขอนไม้ผุ สระน้ำ ป่าชายเลน ห้องคอมพิวเตอร์ วิธีการวัดและประเมินผล ใช้วิธีการวัดผลที่หลากหลาย เช่น แบบทดสอบ แบบสังเกต การปฏิบัติจริง ตรวจผลงาน แบ่งตามเกณฑ์การวัดและประเมินผล เป็น 2 ระยะ คือ วัดและประเมินผลระหว่างปีโดยใช้แบบทดสอบ การประเมินชิ้นงาน การปฏิบัติจริง สังเกตพฤติกรรม ใช้คำถามสุ่มรายบุคคล วัดและประเมินผลปลายปีโดยใช้ แบบทดสอบ การปรับปรุงการเรียนการสอน ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ครูผู้สอนได้ศึกษาผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อนำผลมาใช้ในการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับตัวผู้เรียนโดย มีวัดผลก่อนเรียนเพื่อทดสอบความรู้เดิม ของผู้เรียน วัดผลระหว่างเรียน และวัดผลหลังเรียนเพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน ในเรื่องที่เรียนและนำผลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาต่อไป ถ้าเนื้อหาที่สอนมีความยากหรือน่าเบื่อก็มีการปรับเปลี่ยนสื่อการเรียนรู้ให้น่าสนใจดึงดูดนักเรียนมากขึ้น หรือปรับเปลี่ยนวิธีสอน กิจกรรมที่ให้นักเรียนปฎิบัติ ส่วนวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการคิดและการแก้ปัญหาของนักเรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใช้กระบวนการกลุ่มและโครงงาน ในการพัฒนาความคิดและการแก้ปัญหาของนักเรียน นอกจากจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนข้างต้นเพื่อกระตุ้นการคิดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาการคิด คือ การใช้คำถามกระตุ้นการคิดทั้งคิดร่วมกันเป็นกลุ่ม หรือคิดคนเดียว ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีความสอดคล้องกับหลักสูตรของสถานศึกษา
1.2 ปัญหาการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้แก่ ปัญหาด้านความพร้อมในการเรียนรู้ของผู้เรียน ผู้เรียนมีพื้นฐานความรู้เดิมที่แตกต่างกัน ผู้เรียนมีปัญหาด้านการเขียน ผู้เรียนแต่ละคนมีความพร้อมในการเรียนแตกต่างกัน จำเป็นต้องมีการนำเข้าสู่บทเรียนที่สามารถเตรียมความพร้อมก่อนเรียนได้ และจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละกลุ่ม ปัญหาด้านการใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลาย การใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลาย ทำให้ใช้เวลาในการจัดการเรียนรู้มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เวลาที่กำหนดไว้ในหลักสูตรไม่เพียงพอ ควรกำหนดเวลาในหลักสูตรเพิ่มขึ้น สื่ออุปกรณ์มีไม่เพียงพอ ส่งผลให้เป็นอุปสรรคในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ครูต้องมีเวลาในการเตรียมความพร้อมก่อนสอนมากขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงครูมีภาระงานอย่างอื่นค่อนข้างมาก การใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายเป็นสิ่งที่ดีมากถ้าลดภาระงานอื่นๆ ลง ครูก็คงมีเวลามาพัฒนาการสอนมากขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้เรียนขาดทักษะในการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา ผู้เรียนขาดความมั่นใจและไม่กล้าแสดงออกในการนำเสนอผลงาน ผู้เรียนขาดทักษะในการสรุปความรู้ ใช้เวลาในการจัดการเรียนรู้จริงมากกว่าเวลาที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ ปัญหาด้านการวัดและประเมินผลเพื่อการปรับปรุงแก้ไขการเรียนการสอน การวัดประเมินผลโดยการปฏิบัติเป็นรายบุคคลต้องใช้เวลามาก เมื่อวัดและประเมินผลแล้วได้นำมาปรับปรุงการเรียนการสอน แต่ไม่ได้ซ่อมเสริมนักเรียนเป็นรายบุคคล
1.3 แนวทางในการพัฒนาศักยภาพผู้สอนในเรื่องรูปแบบและเทคนิคการสอน (ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21) อบรมเทคนิคการสอน ครูผู้สอนศึกษาเรียนรู้รูปแบบและเทคนิคการสอน(ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21) และนำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้อย่างหลากหลาย
2. การสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด(PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มี 5 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอนที่ 1 เมื่อพบปัญหา นำมาสงสัย (P : Problem from Cartoon) นักเรียนต้องทำ
ความเข้าใจกับปัญหาที่พบ ว่าปัญหาคืออะไร มีข้อมูลอะไรบ้าง แล้วมีเงื่อนไขหรือต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยให้นักเรียนเขียนแสดงถึงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหา
ขั้นตอนที่ 2 คิดทำอย่างไร ช่วยไตร่ตรองดู (R : Reason by Brainstorming) นักเรียนทำความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ เพื่อเชื่อมโยงกับความรู้เดิม คิดไตร่ตรอง วิเคราะห์จากประสบการณ์ สร้างความหมายของข้อมูล โดยใช้กระบวนการกลุ่มในการอภิปราย และสรุปผล โดยครูใช้เอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉัน คือ สารสำคัญ ในการจัดการเรียนรู้ และมีการคิดหาวิธีวางแผน เพื่อแก้ปัญหา ในกรณีที่ปัญหาต้องตรวจสอบโดยการทดลอง จะมีการตั้งสมมติฐาน กำหนดวิธีทดลองหรือตรวจสอบ และอาจรวมทั้งแนวทางในการประเมินผลแก้ปัญหา
ขั้นตอนที่ 3 สำรวจตรวจสอบ คำตอบที่คาด (A : Activity by Explore or Experiment) นักเรียนนำความรู้ ความคิด มาทดลองปฏิบัติ และศึกษาผลที่เกิดขึ้น โดยการลงมือแก้ปัญหาและประเมินว่าวิธีการแก้ปัญหา และผลที่ได้ถูกต้องหรือได้ผลเป็นอย่างไร ถ้าพบว่าการแก้ปัญหานั้นไม่ประสบ ความสำเร็จ ก็จะต้อง ย้อนกลับไปเลือกวิธีการแก้ปัญหาอื่นๆ ที่กำหนดไว้แล้วในขั้นที่ 2 และถ้ายังไม่ประสบความสำเร็จ นักเรียนจะต้องย้อนกลับไปทำความเข้าใจปัญหาใหม่ ว่ามีข้อบกพร่องประการใด
ขั้นตอนที่ 4 สรุปลงกระดาษ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ (C : Constructivism of New Ideas) นักเรียนร่วมกันการสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ จากการปฏิบัติตามแนวคิดที่ได้เรียนรู้ โดยการนำความรู้ความเข้าใจนั้นไปใช้หรือปรับประยุกต์ใช้ในการสร้างชิ้นงาน มีการวิเคราะห์ผลงาน และแนวทางในการนำไปประยุกต์ใช้ นักเรียนได้มีโอกาสได้นำเสนอผลงานการสร้างสรรค์ความรู้ให้ผู้อื่นรับรู้ เป็นการช่วยให้ผู้เรียนตอกย้ำ หรือตรวจสอบ เพื่อช่วยให้จดจำสิ่งที่เรียนรู้ได้ง่าย
ขั้นตอนที่ 5 วัดผลการใช้ นำไปพัฒนา (H : Hurry Measurement and Evaluation for Develop Achievement) มีการวัดและประเมินผลการแก้ปัญหาหลังจากการเรียนรู้ มีการตรวจสอบการแก้ปัญหา ทั้งในด้านวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหา และการตัดสินใจ รวมทั้งการนำไปประยุกต์ใช้ มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ รวมทั้ง รับฟังข้อวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อการปรับปรุงงานของตนให้ดีขึ้น และการนำไปประยุกต์ใช้ต่อไป
3. ผลการศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด(PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มี 4 ประเด็น ดังนี้
3.1 ผลการใช้การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL)ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ มีประสิทธิภาพ 83.59/80.20
3.2 การพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน จำนวน 8 เล่ม พบว่า เล่มที่ 1 บอกฉันได้ไหม เราต่างกันอย่างไร ผ่านเกณฑ์ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 72.06 เล่มที่ 2 หากไม่อยู่กับเธอ ฉันจะอยู่กับใคร ผ่านเกณฑ์ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 72.48 เล่มที่ 3 เมื่อเราไม่เข้าใจกัน ฉันจะขอจากไป ผ่านเกณฑ์ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 72.36 เล่มที่ 4 ขอเธอรับรู้ไว้ ความแตกต่างทำให้เราห่างกัน ผ่านเกณฑ์ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 71.93 เล่มที่ 5 เรียนรู้กันก่อนดีไหม เพราะฉันนี้อยากให้คนเข้าใจ ผ่านเกณฑ์ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 82.97 เล่มที่ 6 ฉันก็ยังคงเดิม เพิ่มเติมคือรูปร่าง ผ่านเกณฑ์ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 82.48 เล่มที่ 7 หมดสิ้นแล้วหนทาง เมื่อเธอมาเปลี่ยนไป ผ่านเกณฑ์ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 81.75 และเล่มที่ 8 ฉันยังคงสงสัย จะเกิดอะไรเมื่อเธอเปลี่ยนแปลง ผ่านเกณฑ์ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 84.24
3.3 ผลการประเมินพฤติกรรมของนักเรียนที่เรียนโดยการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ พบว่า นักเรียนที่เรียนโดยการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ มีผลการประเมินพฤติกรรม โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์ดีเยี่ยม เมื่อพิจารณาเป็นรายบุคคล ปรากฏว่า นักเรียนทุกคนผ่านเกณฑ์การประเมินระดับดีเยี่ยม ส่วนนักเรียนที่มีคะแนนสูงสุด คือ ร้อยละ 92.50 รองลงมา คือ 91.50 และต่ำที่สุด คือ ร้อยละ 85.00
3.4 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนโดยการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับการใช้เอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. การขยายผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL) ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบผสมผสานแนวคิด (PRACH MODEL)ร่วมกับเอกสารประกอบการสอน ชุด เธอกับฉันคือสารสำคัญ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking & Problem Solving Skills) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก