ผู้วิจัย พิลาสลักษณ์ รวมธรรม
สถานศึกษา โรงเรียนกาบเชิงวิทยา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการเรียนรู้
เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของเรียนรู้จากแบบฝึกเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างของการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนกาบเชิงวิทยา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 33 คน ซึ่งกลุ่มตัวอย่างได้มาโดยวิธีการสุ่มห้องเรียน ด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้มี 4 ชนิด 1) แบบฝึกเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 12 เล่ม
2) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 12 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 40 ข้อ อยู่ระหว่าง 0.40 ถึง 0.80 และค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.30 ถึง 0.60 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 0.91 และ
4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยใช้หา ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ประสิทธิภาพและทดสอบสมมติฐานใช้ ( t-test Dependent Sample )
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 85.91/84.02 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
2. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 0.7797 นักเรียนมีความก้าวหน้าของการเรียนคิดเป็นร้อยละ 77.97
3. นักเรียนที่เรียนจากแบบฝึกเสริมทักษะการเรียนรู้ เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้
วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
มีค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการเรียนรู้
เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ วิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมโดยรวมเท่ากับ 4.74 SD เท่ากับ 0.44 อยู่ในระดับมากที่สุด