บทความเผยแพร่ทางวารสารสิ่งพิมพ์
สอนงานอาชีพอย่างไรให้นักเรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์
ในศตวรรษที่ 21 ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายความสามารถของมนุษย์ เพราะเป็นยุคที่โลกต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับข้อมูลข่าวสารทุกอย่างก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเฉพาะรอบตัวเราอีกต่อไป แค่เพียงคลิกที่ปลายนิ้ว เราก็สามารถก้าวข้าวพรมแดนไปได้ทุกซอกทุกมุมโลก ซึ่งแวดวงทางการศึกษาทั่วโลกต่างก้าวพ้นรูปแบบการเรียนการสอนที่ใช้ครูเป็นศูนย์กลาง มาเป็นการเรียนรู้ในแบบกระบวนทัศน์ใหม่ เรียกได้ว่าเป็นการจัดการศึกษายุคฐานแห่งเทคโนโลยี หรือ Technology Based Paradigm ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าในยุคศตวรรษที่ 21 จะเห็น
การเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งส่งผลกระทบที่สำคัญภายในและภายนอกประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตของคนในชาติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
การปรับเปลี่ยนที่รวดเร็ว และความซับซ้อนจำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อเตรียมความพร้อมของคน สังคม และระบบเศรษฐกิจ ให้สามารถปรับตัวรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมกล่าวคือ ต้องพัฒนาคนไทยให้มีการเรียนรู้ ตลอดชีวิต และต่อเนื่องในเรื่องการศึกษา ทักษะ
การทำงาน และการดำเนินชีวิต เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพให้คนไทยทุกกลุ่มทุกวัยมีความพร้อมทั้งกาย ใจ และสติปัญญา ตลอดจนมีระเบียบวินัย มีจิตสำนึกวัฒนธรรมที่ดีงามและรู้ค่าความเป็นไทย ในศตวรรษที่ 21 มีทักษะพื้นฐานการเรียนรู้ซึ่งเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญของผู้เรียน ได้แก่ ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน ทักษะการคิดเลข ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา และทักษะการทำงานเป็นทีม ซึ่งทักษะเหล่านี้เป็นทักษะพื้นฐานที่มุ่งเน้นให้เกิดกับผู้เรียน เนื่องจากในศตวรรษที่ 21 การจัดการเรียนการสอนจะไม่ได้มุ่งเป้าหมายสำคัญที่นักเรียนจะต้องได้ความรู้ แต่เป้าหมายสำคัญคือ การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อเป็นเส้นทางไปสู่ความรู้ที่ต้องการ และทักษะเหล่านี้เป็นทักษะพื้นฐานของผู้เรียนในการเรียนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา และทักษะการทำงานเป็นทีมเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาผู้เรียนในการจัดการเรียนรู้วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี
ในปัจจุบันจากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นว่าการจัดกระบวนการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีที่จะส่งเสริมหรือพัฒนาทักษะการปฏิบัติงานประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ยังไม่ประสบความสำเร็จ ตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกว่า ผู้เรียนมีความคิดสร้างสรรค์หรือไม่นั้น ก็คือ ผลงานที่เป็นความคิดสร้างสรรค์ทางด้านการงานอาชีพและเทคโนโลยีของนักเรียน ทั้งความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นกระบวนการคิดหรือวิธีคิดและความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นผลผลิตหรือชิ้นงาน ซึ่งมีน้อยมาก สภาพดังกล่าวบ่งบอกถึงความอ่อนด้อยในการจัดการเรียนการสอนของครูที่จัดกระบวนการเรียนการสอนไม่ได้มุ่งเน้นให้นักเรียนได้เรียนรู้ โดยการปฏิบัติ (Active Learning) โดยเฉพาะการได้ฝึกปฏิบัติเรื่องราวที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้เพื่อการนำไปใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาอาชีพเป็นการเรียนรู้เพื่อชีวิต (Authentic learning) ซึ่งเป็นทางหลักในการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี การพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนการงานอาชีพและเทคโนโลยีที่จะส่งเสริมทักษะการปฏิบัติงานประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ของผู้เรียนจึงเป็นงานเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ
จากปัญหาดังกล่าวได้มีนักวิชาการศึกษาและครูผู้สอนหลายท่านได้พยายามคิดค้นนวัตกรรมการจัดกระบวนการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงานประดิษฐ์ของนักเรียน หนึ่งในจำนวนหลาย ๆ ท่าน ได้แก่ อาจารย์เพชรรัตน์ นามมั่น ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนตลาดสำรอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1ได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนการงานอาชีพและเทคโนโลยีตามหลักการทำงานแบบมีส่วนร่วม เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติงานประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ของนักเรียน
ขั้นที่ 2 การร่วมคิดและตัดสินใจ (DecisionMaking : D) จัดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนร่วมกันระดมความคิดในการประดิษฐ์งานนั้น ๆ อย่างหลากหลาย และร่วมกันตัดสินใจในการประดิษฐ์ชิ้นงานนั้นอย่างสร้างสรรค์ และมีเหตุผลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขั้นที่ 3 การร่วมวางแผน (Planning : P)จัดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนได้ร่วมกันออกแบบชิ้นงานการประดิษฐ์ ตามความคิดสร้างสรรค์ และร่วมกันวางแผนการปฏิบัติงาน โดยการกำหนดวัสดุอุปกรณ์ กำหนดขั้นตอนปฏิบัติงาน แบ่งความรับผิดชอบ ขั้นที่ 4 การร่วมปฏิบัติ(Doing : D)จัดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนได้ร่วมกันปฏิบัติงานการประดิษฐ์ตามแผนที่วางไว้ และร่วมกันสังเกตและสะท้อนผลการปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนของการปฏิบัติงานประดิษฐ์ ขั้นที่ 5 การร่วมประเมินผล (Evaluating : E )จัดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนได้ร่วมกันวิเคราะห์และประเมินผลการปฏิบัติงานประดิษฐ์ โดยใช้ทฤษฎีการคิดวิเคราะห์หมวกความคิดหกใบ รวมทั้งร่วมกันเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงพัฒนางาน ขั้นที่ 6
การร่วมรับผลประโยชน์ (Benefit: B) จัดกิจกรรมให้นักเรียนร่วมกันชื่นชมผลงานของตนเองและของกลุ่มอื่น ๆ ตลอดจนร่วมกันเสนอแนะแนวทางในการนำผลงานไปประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง สมาชิกในกลุ่มและประโยชน์ต่อส่วนรวม รูปแบบการเรียนการสอนดังกล่าวมีชื่อว่า อาร์ดีพีดีอีบี (RDPDEB Model) ผลจากการนำรูปแบบการเรียนการสอน ไปทดลองใช้กับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนตลาดสำรองพบว่าหลังการทดลองนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพัฒนาขึ้นจากก่อนการทดลอง และนักเรียนมีทักษะการปฏิบัติงานประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ระหว่างเรียนอยู่ในระดับสูงมาก ส่วนความคิดสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงานประดิษฐ์หลังเรียนพบว่าอยู่ในระดับสูงมากเช่นเดียวกัน ข้อค้นพบดังกล่าวเกิดจากการนำเอาหลักการแนวคิดการมีส่วนร่วมมาใช้และที่สำคัญนักเรียนได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานทุกขั้นตอนอยู่ในระดับมาก และยังค้นพบอีกว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบอาร์ดีพีดีอีบี (RDPDEB Model) ในระดับมากที่สุด นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุขจากการคิดและปฏิบัติจริงในลักษณะของ Active Learning ซึ่งเป็นบรรยากาศการจัดการเรียนการสอนที่พึงประสงค์ในยุคศตวรรษที่ 21 อย่างไรก็ตามในการนำรูปแบบอาร์ดีพีดีอีบี (RDPDEB Model) ไปใช้ ครูผู้สอนจะต้องถือปฏิบัติตามเงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้อย่างเคร่งครัด โดยครูผู้สอนจะเป็นผู้ทำหน้าที่ในลักษณะของโค้ช (coach) โดยคอยสนับสนุนส่งเสริม กระตุ้นให้นักเรียนกล้าที่จะตั้งคำถามเพื่อการคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ และกล้าที่จะตัดสินใจเลือกการสร้างสรรค์งานอย่างมีเหตุผล
การค้นพบรูปแบบอาร์ดีพีดีอีบี (RDPDEB Model) นับเป็นการค้นพบรูปแบบการเรียนการสอนการงานอาชีพและเทคโนโลยีที่มีคุณค่าต่อการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 ของครูวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยีและครูวิชาอื่น ๆ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลต่อผู้เรียน โดยเฉพาะทำให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงานซึ่งเป็นทักษะที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียนมากที่สุด เพราะเป็นทักษะชีวิตจึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะนำรูปแบบการเรียนการสอนการงานอาชีพและเทคโนโลยีตามหลักการทำงานแบบมีส่วนร่วม เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติงานประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ของนักเรียน (RDPDEB Model) เผยแพร่ให้ครูผู้สอนและผู้ที่มีความสนใจนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงานอย่างมีขั้นตอน และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิตที่ดี
เพชรรัตน์ นามมั่น
ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนตลาดสำรอง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ