ผู้ศึกษาค้นคว้า นางรุ่งรัตนา อัยแก้ว
โรงเรียนบ้านโนนแคน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2
ปีที่พิมพ์ พ.ศ. 2561
บทคัดย่อ
คณิตศาสตร์เป็นศาสตร์ที่สำคัญยิ่งต่อการฝึกทักษะความรู้พื้นฐานในการดำรงชีวิต
และสามารถพัฒนากระบวนการคิดให้ผู้เรียนรู้จักคิดอย่างมีเหตุผล คิดอย่างรอบคอบ ลำดับความคิด
แสดงความคิดออกมาอย่างเป็นระเบียบ มีความสามารถวิเคราะห์ปัญหา และเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ในสาขาวิชาอื่นๆ แต่ปัจจุบันพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์อยู่ในระดับไม่น่าพอใจ ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ จึงมีความมุ่งหมาย เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง สมการและการแก้สมการ ให้มีประสิทธิ์ภาพตามเกณฑ์ 75/75 เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง สมการและ การแก้สมการ และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง สมการและการแก้สมการ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 12 คน โรงเรียนบ้านโนนแคน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2 ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง สมการและการแก้สมการ จำนวน 6 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 15 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง สมการและการแก้สมการ เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนก รายข้อตั้งแต่ .22 - .62 และ ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.89 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง สมการและ การแก้สมการ เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับจำนวน 20 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (t) ตั้งแต่ 3.20 ถึง 9.62 ความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.71 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏดังนี้
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.66/8.88 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการ แก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 0.7586 แสดงว่า ผู้เรียนมีความก้าวหน้าทาง การเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 75.86
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์
เรื่อง สมการและการแก้สมการ อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด
โดยสรุป ผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สามารถนำแบบฝึกทักษะ
ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าพัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาความสามารถ
ในการเรียนรู้สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น และควรมีการพัฒนา แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในเนื้อหาอื่นๆ และระดับชั้นต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป