ชื่อเรื่อง การพัฒนาครูและนักเรียนเกี่ยวกับการสร้างนิสัยรักการอ่านโรงเรียน
บ้านโนนสมบูรณ์วิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2
ผู้วิจัย นายสว่าง ชินโคตร
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา
หน่วยงาน โรงเรียนบ้านโนนสมบูรณ์วิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม
ศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2
ปีที่พิมพ์ 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อพัฒนาครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านโนนสมบูรณ์วิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 ให้มีนิสัยรักการอ่าน และยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้น โดยนำหลักการวิจัยปฏิบัติการเป็นรูปแบบในการดำเนินงานมี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นวางแผน ขั้นปฏิบัติ ขั้นสังเกต และขั้นสะท้อนผล กลยุทธ์ที่ใช้ในการพัฒนา คือ การประชุม เชิงปฏิบัติการแนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านในโรงเรียน การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และการนิเทศภายใน มีกลุ่มผู้ร่วมวิจัย จำนวน 5 คน ประกอบด้วย ครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 จำนวน 4 คน และผู้วิจัยในฐานะผู้บริหาร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง จำนวน 3 ฉบับ แบบสังเกตแบบมีส่วนร่วม จำนวน 3 ฉบับ แบบประเมินนิสัยรักการอ่านสำหรับครูและนักเรียน จำนวน 2 ฉบับ และ แบบบันทึก จำนวน 1 ฉบับ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้เทคนิคการตรวจสอบข้อมูลสามเส้า (Triangulation)
แล้วนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการพรรณนาวิเคราะห์ (Descriptive Analysis) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ คือ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย ปรากฏดังนี้
1. สภาพปัจจุบัน ปัญหา ก่อนดำเนินการพัฒนา พบว่า การดำเนินงานส่งเสริมการอ่านในโรงเรียนมีน้อย ครูขาดความตระหนักในความสำคัญของการอ่านไม่มีแผนงานหรือโครงการปฏิบัติที่ชัดเจน ขาดความรู้ความเข้าใจในการวางแผน กระบวนการและขั้นตอนในการดำเนินงานส่งเสริมการอ่าน ขาดระบบในการกำกับติดตามประเมินผลการอ่านของนักเรียน ขาดการประสานงานระหว่างครูและผู้ปกครองนักเรียนด้านพื้นฐานการอ่านของนักเรียน ทำให้นักเรียนขาดทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ไม่ใช้เวลาว่างเพื่อการอ่านหนังสือ และเข้าใช้บริการห้องสมุดน้อยครั้ง นักเรียนไม่ชอบอ่านหนังสือ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ต่ำ
2. การดำเนินการพัฒนาครูและนักเรียนเกี่ยวกับการสร้างนิสัยรักการอ่านตามกระบวนการวิจัยปฏิบัติการ วงรอบที่ 1 โดยใช้กลยุทธ์การประชุมเชิงปฏิบัติการแนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านในโรงเรียน เพื่อให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่หลากหลาย เพื่อกระตุ้นและเร้าความสนใจของครู และนักเรียนให้เกิดความตระหนักและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอ่านไปในทางที่ดีขึ้น จากนั้นผู้วิจัยได้ดำเนินการนิเทศภายใน เพื่อให้คำแนะนำช่วยเหลือครูในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และประเมินผลนิสัยรักการอ่านของครูและนักเรียน พบว่า ครูและนักเรียนส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการอ่านหนังสือไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ยังมีคณะครู และนักเรียนบางส่วนที่ยังไม่เห็นความสำคัญของการอ่าน ดังนั้นจึงดำเนินการพัฒนาในวงรอบที่ 2 โดยใช้กลยุทธ์การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่องและหลากหลาย แล้วดำเนินการนิเทศภายใน และประเมินผลนิสัยรักการอ่านของครูและนักเรียนจนสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
3. ผลการพัฒนาครูและนักเรียนเกี่ยวกับการสร้างนิสัยรักการอ่าน โรงเรียนบ้านโนนสมบูรณ์วิทยา พบว่า
3.1 ครูมีความรู้ความเข้าใจ สามารถวางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านได้อย่างเป็นระบบและหลากหลาย สามารถจัดกิจกรรมและประเมินผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านได้เป็นอย่างดี และปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียนเกี่ยวกับการอ่าน มีนิสัยรักการอ่าน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
3.2 นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่โรงเรียนกลุ่มโรงเรียน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 จัดขึ้น ส่งผลให้มีนิสัยรักการอ่านมากยิ่งขึ้น โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
3.3 นักเรียนโรงเรียนบ้านโนนสมบูรณ์วิทยา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในปีการศึกษา 2560 คิดเดเป็นร้อยละ 85.67 สูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในปีการศึกษา 2559 ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคิดเป็นร้อยละ 78.95 โดยมีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้นกว่า 6.72
โดยสรุปการพัฒนาครูและนักเรียนเกี่ยวกับการสร้างนิสัยรักการอ่าน โรงเรียนบ้านโนนสมบูรณ์วิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 โดยใช้วิธีการวิจัยปฏิบัติการ สามารถบรรลุตามความมุ่งหมายการวิจัยที่กำหนดไว้ทุกประการ