การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนว
การสืบเสาะหาความรู้แบบวัฎจักรการเรียนรู้7 ขั้น รายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ
ส าห รับนั กเรียนชั้นมั ธยมศึกษ าปีที่ 4 ที่ มีป ระสิท ธิภ าพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่ อศึกษ า
ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฎจักรการเรียนรู้7
ขั้น รายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม
การเรียนรู้ตามแนวการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฎจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นรายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง
ธาตุและสารประกอบ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 4) เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนว
การสืบเสาะหาความรู้แบบวัฎจักรการเรียนรู้ 7 ขั้นรายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ
ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5) เพื่อเปรียบเทียบเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ก่อนเรียนและหลัง
เรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฎจักรการเรียนรู้
7 ขั้นรายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 โรงเรียนเวียงสระ
อ าเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สังกัดส านักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา เขต 11 ภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2560 จ านวน 43 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฎจักรการ
เรียนรู้7 ขั้น รายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
จ านวน 5 ชุดกิจกรรม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสืบเสาะ
หาความรู้แบบวัฎจักรการเรียนรู้7 ขั้น รายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ ส าหรับ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จ านวน 20 แผน 3)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาเคมี
พื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
จ านวน 40 ข้อค่าความยากมีค่าตั้งแต่ 0.31 ถึง 0.65 และค่าอ านาจจ าแนกมีค่าตั้งแต่ 0.34 ถึง 0.67
ข
และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89 4)แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ
ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จ านวน 40 ข้อ มีค่าความยากมีค่าตั้งแต่ 0.28 ถึง 0.71 และค่าอ านาจ
จ าแนกมีค่าตั้งแต่ 0.34 ถึง 0.69 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.84 และ 5) แบบประเมินเจตคติต่อ
วิทยาศาสตร์จ านวน 30 ข้อ มีค่าอ านาจจ าแนก ค่าตั้งแต่ 0.25 ถึง 0.64 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบ
สมมติฐานใช้สถิติทดสอบ t-test dependent sample
ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฎจักรกาเรียนรู้7 ขั้น
รายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ
ดังนี้ ชุดกิจกรรมที่ 1 เท่ากับ 84.30/85.35 ชุดกิจกรรมที่ 2 เท่ากับ 84.65/85.81 ชุดกิจกรรมที่ 3
เท่ากับ 84.59/85.58 ชุดกิจกรรมที่ 4 เท่ากับ 84.48/85.58 ชุดกิจกรรมที่ 5 เท่ากับ 84.24/85.12
และชุดกิจกรรมมีประสิทธิภาพโดยรวม เท่ากับ 84.45/83.02 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ก าหนดไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสืบเสาะหาความรู้
แบบวัฎจักรการเรียนรู้7 ขั้น รายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ ส าหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.6598 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 65.98
3. นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฎจักร
การเรียนรู้7 ขั้น รายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฎจักร
การเรียนรู้7 ขั้น รายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ
ที่ระดับ .05
5. นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฎจักร
การเรียนรู้7 ขั้น รายวิชาเคมีพื้นฐาน 1 เรื่อง ธาตุและสารประกอบ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
มีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05