การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง พัฒนาการ
ทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80, 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทย สมัยประชาธิปไตย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา
2560 โรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์ อำเภอโกสุมพิสัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26
จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้มี 5 ชนิด คือ
แผนการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3, 2) บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3, 3) แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียนของบทเรียนสำเร็จรูป
4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แบบแผนทดลองในครั้งนี้เป็นแบบกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนการใช้ และหลังการใช้บทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้ค่าสถิติ ttest (Dependent Samples) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .01 วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปเรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย โดยใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) เปรียบเทียบกับเกณฑ์ 5 ระดับ คือ มีความพึงพอใจมากที่สุด มีความพึงพอใจมาก
มีความพึงพอใจปานกลาง มีความพึงพอใจน้อย และมีความพึงพอใจน้อยที่สุด
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า 1) บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ที่ผู้รายงานสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.97/89.46 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ
3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ที่ผู้รายงานสร้างขึ้นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.59 ( X-bar= 4.59, S.D. = 0.48) ซึ่งหมายถึงนักเรียน
มีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัย
ประชาธิปไตย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ที่ผู้รายงานสร้างขึ้นอยู่ในระดับมากที่สุด