ผู้ศึกษา นายแสงสว่าง เข็มทิพย์
โรงเรียนชุมชนบ้านบุสามัคคีพัฒนา จังหวัดนครราชสีมา
สาขาวิชา ประวัติศาสตร์
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากระบานการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน สาระประวัติศาสตร์ และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนชุมชนบ้านบุสามัคคีพัฒนา ปีการศึกษา 2560 จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน จำนวน 10 แผน แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน 10 ข้อ และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 20 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพื้นฐานได้แก่ค่าเฉลี่ยและร้อยละ การหาค่าประสิทธิภาพของวิธีการหรือนวัตกรรม E1/E2 การหาค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือวัดแบบดูเดอร์- ริชารด์สัน โดยใช้สูตรคำนวณ Kuder Richardson 21( KR-21) ผลการศึกษา พบว่า
1. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาโดย
ใช้เอกสารประกอบการเรียน สาระประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความสุขกับการเรียนรู้ที่ได้ออกฝึกปฏิบัติจริงในแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆทั้งในโรงเรียนและแหล่งเรียนรู้ในชุมชนท้องถิ่นด้วยตนเองและสนุกกับการเรียนรู้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนตามกระบวนการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน ได้มีการประเมินผลงานนักเรียนทุกคนในแต่ละแผนการจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องรวมทั้งมีข้อเสนอแนะต่าง ๆ ให้กับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนได้ปรับปรุงแก้ไขการปฏิบัติงานตามกิจกรรมได้ดีขึ้นโดยแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้มีการเรียนรู้ทั้งภาคความรู้และภาคปฏิบัติเพื่อให้เกิดการสร้างเสริมจิตสำนึกที่ดีในการปฏิบัติการศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา นำคะแนนมาใช้ในการคิดคะแนนของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรวมกับคะแนนแบบทดสอบหลังเรียน 10 คะแนนเมื่อเรียนรู้จบหน่วยที่ 1 ประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรไทย จากนั้นนำคะแนนทั้งสองส่วนคือคะแนนระหว่างเรียน 410 คะแนน รวมกับคะแนนทดสอบหลังเรียน 10 คะแนน รวมเป็น 420 คะแนนแล้วแปลผลจากการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนรู้ตามกระบวนการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จะเห็นว่านักเรียนมีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะการปฏิบัติตนในการออกศึกษาหาความรู้ประวัติศาสตร์อยู่ในระดับดีมาก 15 คน คิดเป็นร้อยละ 52.38 ของนักเรียนทั้งหมด นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะการปฏิบัติตนในการออกศึกษาหาความรู้จากประวัติศาสตร์อยู่ในระดับดี 10 คนคิดเป็นร้อยละ 47.61 ของนักเรียนทั้งหมด และคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทั้ง 25 คน มีค่าร้อยละ 88.71
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนรู้ตามกระบวนการ
เรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน สาระประวัติศาสตร์ ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนรู้ตามกระบวนการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน สาระประวัติศาสตร์ไปแล้วและได้วัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้แบบวัดความพึงพอใจจำนวน 20 ข้อ จะเห็นว่านักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนรู้ตามกระบวนการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน สาระประวัติศาสตร์ จากการวิเคราะห์ข้อมูลของนักเรียนทั้ง 25 คน มีค่าเฉลี่ย 5.35 ซึ่งอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด
4. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการหาเพื่อศึกษาประสิทธิภาพวิธีการหรือนวัตกรรมที่ใช้ในการพัฒนาตามกระบวนกระบวนการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนจากแผนการจัดการเรียนรู้ผู้ศึกษาได้ดำเนินการศึกษาหาประสิทธิภาพวิธีการหรือนวัตกรรมโดยการวิเคราะห์คะแนนซึ่งใช้เกณฑ์ประสิทธิภาพของนวัตกรรมการเรียนรู้ใช้สูตรคำนวณหาค่า E1/E2 ซึ่งการกำหนดเกณฑ์ที่ยอมรับว่าสื่อหรือนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ตามกระบวนการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนมีประสิทธิภาพคือ ด้านความรู้ ความจำ E1/E2 มีค่า 80/80 ขึ้นไป ด้านทักษะปฏิบัติ E1/E2 มีค่า 70/70 ขึ้นไปโดยมีค่า E1/E2 ต้องไม่แตกต่างกันเกินร้อยละ 5 ซึ่งปรากฏผลการศึกษาการหาประสิทธิภาพวิธีการหรือนวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอน มีประสิทธิภาพด้านความรู้ ความจำ E1/E2 มีค่า 89/89 และด้านทักษะปฏิบัติ E1/E2 มีค่า 77/77 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ยอมรับได้
5. การหาค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือวัดผู้ศึกษาได้นำเอาการหาค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือวัดตามแบบดูเดอร์-ริชาร์ดสัน โดยใช้สูตรคำนวณของ Kuder Richardson 21
( KR-21) เกณฑ์ความเชื่อมั่นที่ยอมรับได้จะมีค่าตั้งแต่ 0.75 ขึ้นไป
ซึ่งปรากฏผลการศึกษาการหาค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือวัดจะเห็นว่าค่าความเชื่อมั่นของ
แบบทดสอบสาระประวัติศาสตร์ศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนมีค่าความเชื่อมั่น 0.85 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดคือมีค่าตั้งแต่ 0.75