รายงาน นายกมล สาขะมุติ ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการโรงเรียนอนุบาลสตูล
บทคัดย่อ
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือ
1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
3) เพื่อศึกษา ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย คือ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาลสตูล สำนักงานเขต
พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 43 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่มตัวอย่าง (Simple Random Sampling Unit)โดยมีตัวแปรอิสระที่ศึกษา คือ การสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 5 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 20 แผน แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.20 ถึง 0.80 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20 ถึง 1.00 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.77 และแบบประเมินความพึงพอใจหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การ
ทดสอบค่าที (t - test)แบบ Dependent Group ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
1. แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีประสิทธิภาพ 81.13/81.67 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80
2. หลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงกว่าก่อนการใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน อยู่ในระดับมาก