ชื่อผลงาน รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น
โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ชื่อผู้ศึกษา นางสาวนิรมล เหล่าสัมฤทธิ์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
สาขาวิชา คณิตศาสตร์
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ด้วยการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะเรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประชากรเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 10 ห้องเรียน ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560กลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) และจับสลากได้ 1 ห้องเรียน เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 515 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง ความน่าจะเป็น แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความน่าจะเป็น และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (x̄) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ ใช้ E1/E2 ประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ ใช้ (E.I.) สถิติที่ใช้เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนใช้การทดสอบแบบที (t-test Dependent) สถิติที่ใช้ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะใช้ค่าเฉลี่ย (x̄) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลสรุปได้ดังนี้
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 84.43/82.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ (E.I.) เรื่อง ความน่าจะเป็น มีค่าเท่ากับ 0.6318 หรือ ร้อยละ 63.18 แสดงว่าหลังจากนักเรียนใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ตามแผนการจัดการเรียนรู้แล้วนักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 63.18 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 0.5 เป็นไปตามสมมติฐาน
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความน่าจะเป็น หลังจากการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ พบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่างกับก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เป็นไปตามสมมติฐาน แสดงว่าการใช้แบบฝึกทักษะทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความน่าจะเป็น ของนักเรียนสูงขึ้นด้วยค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 95
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะ โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( x̄ = 4.28 , S.D. = 0.42) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อด้านเนื้อหาสูงที่สุดโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.42 , S.D. = 0.50) พิจารณาเป็นรายข้อนักเรียนพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะสอดคล้องกับเนื้อหา มีรูปแบบสวยงามและเร้าความสนใจ สูงที่สุดโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.57 , S.D. = 0.57)