ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง กีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา
และพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นายธีรพงษ์ ยังมูล
ปีที่วิจัย 2560
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา เป็นสาระการเรียนรู็ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนพัฒนาพฤติกรรมด้านความรู้ เจตคติ คุณธรรม ค่านิยม และ การปฏิบัติเกี่ยวกับสุขภาพควบคู่ ไปด้วยกัน ให้ผู้เรียนได้ใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกมและการเล่นกีฬา เป็นเครื่องมือในการพัฒนาผู้เรียนโดยรวมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา รวมทั้งสมรรถภาพเพื่อสุขภาพและกีฬา ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ
(1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง กีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง กีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียน ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง กีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบัวโคก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 28 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 27 แผน ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 15 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ ซึ่งค่าอำนาจจำแนก (B) อยู่ระหว่าง 0.36 ถึง 0.57 ค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง .59 ถึง .71 ค่าความเชื่อมั่น (rcc) เท่ากับ 0.98 แบบทดสอบย่อยหลังจากเรียน ด้วยกระบวนการเรียนรู้ ตามแผนการจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผน จำนวน 15 ฉบับ และแบบประเมินความพึงพอใจ ซึ่งมี ค่าความเชื่อมั่น (α) เท่ากับ .90
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ (E.I.) การหาค่า ความพึงพอใจของนักเรียน ที่เรียนด้วยการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องกีฬาฟุตบอล
ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องกีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา และพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 91.49/88.66 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องกีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 0.6727 หมายความว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น หลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น คิดเป็นร้อยละ 67.27
3. ความพึงพอใจของผู้เรียน ที่เรียนตามกระบวนการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรม การเรียนรู้ เรื่องกีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจ 4.65 อยู่ในระดับมากที่สุด