เรื่อง : รายงานผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์
โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 40
ผู้รายงาน : นิตยา น้อยนันท์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์
ปีที่รายงาน : พ.ศ. 2560
รายงานผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 40 มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อเปรียบเทียบผลการคิดอย่างมีวิจารณญาณก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่มีการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model 5) เพื่อศึกษาความคงทนของนักเรียนที่มีการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์ จำนวน 4 ห้อง รวม 75 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์ จำนวน 19 คน ดำเนินการทดลองโดยใช้เวลา 24 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model 2) คู่มือครู รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model จำนวน 2 เล่ม 3) เอกสารประกอบการเรียน รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model จำนวน 2 เล่ม 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เมทริกซ์ เป็นแบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 5) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของเอกสารประกอบการเรียนรูปแบบ การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 20 เรื่อง เป็นข้อสอบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก เรื่องละ 10 ข้อ 6) แบบทดสอบวัดผลการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนที่มีการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นข้อสอบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ 7) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ t test (Dependent Samples) และทดสอบความสัมพันธ์ (rxy)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ในภาพรวมอยู่ในระดับดี
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่มีการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 40 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนที่มีการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบ การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 40 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกาญจนาภิเษก- วิทยาลัย เพชรบูรณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 40 โดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด
5. ผลความคงทนของนักเรียนที่มีการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ โดยใช้ 6 - Pair Model ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 40 พบว่า มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่ามีความคงทนในการเรียนรู้