ชื่องานวิจัย รายงานการพัฒนาบทเรียนแสวงรู้บนเว็บวิชาการพัฒนาเว็บไซต์ 1
สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ชื่อผู้วิจัย นางยุพเยาว์ กระจ่างแจ้ง
สถานศึกษา โรงเรียนสุราษฎร์ธานี ๒ อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ปีที่ทำการวิจัย ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ วิชาการพัฒนาเว็บไซต์ 1 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยใช้บทเรียนแสวงรู้บนเว็บ วิชาการพัฒนาเว็บไซต์ 1 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อบทเรียนแสวงรู้บนเว็บวิชาการพัฒนาเว็บไซต์ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2โรงเรียนสุราษฎร์ธานี ๒ อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 38 คน ได้มาโดยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เนื่องจากนักเรียนห้องดังกล่าวมีนักเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อนคละความสามารถกัน สามารถใช้เป็นตัวแทนของนักเรียนในประชากรได้ และเป็นห้องเรียนที่ผู้วิจัยรับผิดชอบในการสอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย (1) บทเรียนแสวงรู้บนเว็บ วิชาการพัฒนาเว็บไซต์ 1 สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้สถิติทดสอบสมมติฐาน คือ การทดสอบค่าที ใช้สถิติหาคุณภาพเครื่องมือ ได้แก่ ดัชนีความสอดคล้อง ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเที่ยง (KR-20) สัมประสิทธิ์แอลฟา (α) และหาประสิทธิภาพของนวัตกรรมใช้ E_1/E_2 ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ วิชาการพัฒนาเว็บไซต์ 1 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.50/82.21
2. นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนแสวง วิชาการพัฒนาเว็บไซต์ 1 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05
3. นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนแสวง วิชาการพัฒนาเว็บไซต์ 1 สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51