บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ใช้รูปแบบการศึกษากึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) ผู้วิจัย
ใช้แผนการทดลองแบบกลุ่มเดี่ยวสอบก่อนและหลัง (One Group Pre test Post test Design)
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง โลก ดิน หิน และแร่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะ หาความรู้ 7 ขั้น ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง โลก ดิน หิน และแร่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนวิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง โลก ดิน หินและแร่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง โลก ดิน หินและแร่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนขุขันธ์ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ รวมทั้งหมด 575 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 40 คน โรงเรียนขุขันธ์ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้มี 3 ชนิด คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง โลก ดิน หินและแร่ จำนวน 9 แผน เวลาสอน 18 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง โลก ดิน หิน และแร่ จำนวน 40 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ(B) ตั้งแต่ 0.25 - 1.00 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .88 และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง โลก ดิน หิน และแร่ วิชาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนขุขันธ์ จำนวน 20 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น ( ) เท่ากับ .90 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t test dependent samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น
ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง โลก ดิน หินและแร่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.81/81.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80
2. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง โลก ดิน หิน และแร่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.66 แสดงว่าผู้เรียน มีความก้าวหน้าทางการเรียน คิดเป็นร้อยละ 66.00
3. นักเรียนที่เรียนรู้ด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง โลก ดิน หิน และแร่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน ( = 32.60 ) สูงกว่าก่อนเรียน ( = 18.63 ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง โลก ดิน หิน และแร่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับมาก
โดยสรุปแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ร่วมกับ แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง โลก ดิน หิน และแร่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สร้างและพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพเหมาะสม สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับนักเรียนได้อย่างมีคุณภาพ ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น