ชื่องานวิจัย รายงานการพัฒนาผลการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง ของเหลวและของไหล ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ผู้วิจัย นายณัฐธีร์ รังสีธนะพงศ์
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ เรื่อง ของเหลวและของไหล โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์ เรื่อง ของเหลวและของไหล และจิตวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) และนักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบปกติ และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง ของเหลวและของไหล โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 2 ห้องเรียน แบ่งเป็นนักเรียนกลุ่มทดลองที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 823 จำนวน 40 คน และนักเรียนกลุ่มควบคุมที่เรียนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบปกติ ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 826 จำนวน 40 คน รวม 80 คน ซึ่งการได้มาของกลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ เรื่อง ของเหลวและของไหล โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 8 แผน 2) แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ เรื่อง ของเหลวและของไหล โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบปกติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 8 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 4 ชุด 4) แบบวัดจิตวิทยาศาสตร์ และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าที (t-test)
ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการหาค่าประสิทธิภาพการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ เรื่อง ของเหลวและของไหล โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในขั้นนำไปใช้จริงกับนักเรียนกลุ่มทดลองมีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 77.02/76.25 ซึ่งค่าประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 75/75 2) ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นสร้างความสนใจ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมหรือทบทวนความรู้เดิม กระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจในการเรียน รู้ว่าจะเรียนอะไร เรียนแล้วได้อะไร ในขั้นนี้ใช้วิธีการหลายๆ วิธี เช่น การซักถาม การอภิปราย การแสดงภาพถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ขั้นสำรวจและค้นหา โดยให้นักเรียนได้เรียนรู้เป็นกลุ่มย่อย มีการหมุนเวียนความรับผิดชอบหน้าที่ในกลุ่ม นักเรียนได้ศึกษาความรู้จากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นและผ่านการทดสอบหาประสิทธิภาพมาแล้ว และศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้อื่นๆ เช่น จากอินเทอร์เน็ต จากหนังสือคู่มือการเรียนวิชาฟิสิกส์ โดยมีครูคอยกระตุ้นและดูแลให้ความช่วยเหลือ นักเรียนมีความสนใจ ให้ความร่วมมือในการทำงานเป็นกลุ่ม เรียนรู้ร่วมกันอย่างสนุกสนานและกระตือรือร้นในการเรียน ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ความรู้ สังเคราะห์ข้อมูล แสดงความคิดเห็นร่วมกัน รับฟังความคิดเห็นของเพื่อนในกลุ่ม อภิปราย และสรุปความรู้ที่ได้ โดยครูคอยตรวจสอบความเข้าใจโดยใช้คำถามและให้นักเรียนช่วยกันอภิปรายจนได้คำตอบและข้อสรุปที่ถูกต้อง ขั้นขยายความรู้ นักเรียนมีการนำเอาข้อมูลที่รวบรวมได้จากขั้นสร้างความสนใจ ขั้นสำรวจและค้นหา ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป มาฝึกพัฒนาการคิดวิเคราะห์ การให้คำจำกัดความ การผสมผสานข้อมูลใหม่กับความรู้เดิมที่ได้เรียนไปแล้ว รวมถึงนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ มีการเล่นเกมแข่งขันตอบปัญหาเป็นทีม ทำให้นักเรียนสนุกสนาน ก่อให้เกิดความสามัคคี ความสนใจ ใฝ่รู้ ความรอบคอบ ความซื่อสัตย์ ความมีเหตุผล และการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ และ ขั้นประเมิน นักเรียนได้รับการประเมินการเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในด้านแบบฝึกหัด ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และการประเมินพฤติกรรมจิตวิทยาศาสตร์ด้านความสนใจ
ใฝ่รู้ ความรอบคอบ การร่วมแสดงความคิดเห็นและยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ความมีเหตุผล และ
การทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 3) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์ เรื่อง ของเหลวและของไหล และจิตวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) และนักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบปกติ พบว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและจิตวิทยาศาสตร์สูงกว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4) นักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) มีจำนวนนักเรียนที่มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 90.00 และนักเรียนกลุ่มควบคุมที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบปกติ มีจำนวนนักเรียนที่มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00 แสดงว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) มีร้อยละของจำนวนนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 สูงกว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบปกติและ 5) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง ของเหลวและของไหล โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.46, S.D.= 0.59)