งานวิจัยชื่อ : การวิจัยและพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการใช้โครงงาน
เรื่อง โปรแกรม Microsoft PowerPoint วิชาคอมพิวเตอร์ (สาระเพิ่มเติม)
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ผู้วิจัย : นางสาวเบญญาณิช กิจเต่ง
หน่วยงาน : โรงเรียนเทศบาล 3 (เทศบาลสงเคราะห์) สังกัดเทศบาลเมืองราชบุรี
ปีการวิจัย : 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการใช้โครงงาน เรื่อง โปรแกรม Microsoft PowerPoint วิชาคอมพิวเตอร์ (สาระเพิ่มเติม) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยมีประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 3 (เทศบาลสงเคราะห์) สังกัดเทศบาลเมืองราชบุรี ปีการศึกษา 2559-2560 ทั้งสิ้นจำนวน 150 คน โดยผู้วิจัยได้พัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการใช้โครงงาน เรื่อง โปรแกรม Microsoft PowerPoint วิชาคอมพิวเตอร์ (สาระเพิ่มเติม) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ประกอบด้วยชุดกิจกรรมระหว่างเรียน แบบทดสอบ และแบบสอบถามความพึงพอใจ ซึ่งผ่านการหาคุณภาพเครื่องมือ (IOC) ที่ได้มาตรฐานจากผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว และวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมด้วยสถิติ ดังนี้ ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ค่าประสิทธิผล (E.I.) ค่าความยากง่าย (P) ค่าอำนาจจำแนก (r) ค่าความเชื่อมั่น (KR-20) ค่าความเที่ยง (Reliability) (สัมประสิทธิ์อัลฟาของ Cronbach) และการหาค่าที (t test) ผลการวิจัยปรากฏ
1. ผลการพัฒนาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการใช้โครงงาน เรื่อง โปรแกรม Microsoft PowerPoint วิชาคอมพิวเตอร์ (สาระเพิ่มเติม) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 86.38/87.07 โดยสรุปว่า มีประสิทธิภาพของการทำกิจกรรมระหว่างเรียน (E1) มีค่าเฉลี่ย
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการใช้โครงงาน เรื่อง โปรแกรม Microsoft PowerPoint วิชาคอมพิวเตอร์ (สาระเพิ่มเติม) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยมีประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 3 (เทศบาลสงเคราะห์) สังกัดเทศบาลเมืองราชบุรี ปีการศึกษา 2559-2560 ทั้งสิ้นจำนวน 150 คน โดยผู้วิจัยได้พัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการใช้โครงงาน เรื่อง โปรแกรม Microsoft PowerPoint วิชาคอมพิวเตอร์ (สาระเพิ่มเติม) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ประกอบด้วยชุดกิจกรรมระหว่างเรียน แบบทดสอบ และแบบสอบถามความพึงพอใจ ซึ่งผ่านการหาคุณภาพเครื่องมือ (IOC) ที่ได้มาตรฐานจากผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว และวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมด้วยสถิติ ดังนี้ ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ค่าประสิทธิผล (E.I.) ค่าความยากง่าย (P) ค่าอำนาจจำแนก (r) ค่าความเชื่อมั่น (KR-20) ค่าความเที่ยง (Reliability) (สัมประสิทธิ์อัลฟาของ Cronbach) และการหาค่าที (t test) ผลการวิจัยปรากฏ
1. ผลการพัฒนาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการใช้โครงงาน เรื่อง โปรแกรม Microsoft PowerPoint วิชาคอมพิวเตอร์ (สาระเพิ่มเติม) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 86.38/87.07 โดยสรุปว่า มีประสิทธิภาพของการทำกิจกรรมระหว่างเรียน (E1) มีค่าเฉลี่ย (x̄) เท่ากับ 30.71 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 1.94 และคิดเป็นร้อยละ 86.38 มีค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ทางการเรียนหลังเรียน (E2) มีค่าเฉลี่ย (x̄) เท่ากับ 30.24 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 4.98 และคิดเป็นร้อยละ 87.07
2. ผลการพัฒนาประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการใช้โครงงาน เรื่อง โปรแกรม Microsoft PowerPoint วิชาคอมพิวเตอร์ (สาระเพิ่มเติม) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าประสิทธิผล (E.I.) 0.67 หรือคิดเป็นร้อยละ 67
3. ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง โปรแกรม Microsoft PowerPoint วิชาคอมพิวเตอร์ (สาระเพิ่มเติม) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยการเปรียบเทียบคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลการศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการใช้โครงงาน เรื่อง โปรแกรม Microsoft PowerPoint วิชาคอมพิวเตอร์ (สาระเพิ่มเติม) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สำหรับด้านครูและบุคลากรทางการศึกษา เมื่อพิจารณาโดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ย (x̄) เท่ากับ 4.31 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.50 ซึ่งอยู่ในระดับมาก และด้านนักเรียน เมื่อพิจารณาโดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ย (x̄) เท่ากับ 4.69 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.48 ซึ่งอยู่ในระดับมากที่สุด
ดังนั้นสรุปได้ว่า การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือและการใช้โครงงาน เรื่อง โปรแกรม Microsoft PowerPoint วิชาคอมพิวเตอร์ (สาระเพิ่มเติม) กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ถือเป็นทางเลือกของการพัฒนาการจัดการเรียน การสอนที่ช่วยส่งเสริมให้นักเรียนเกิดทักษะการทำงานร่วมกันเป็นทีมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งส่งผลให้นักเรียนเกิดองค์ความรู้ที่ยั่งยืนต่อไป