ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD
ผู้วิจัย นายจักรกริช แก้ววงษา
หน่วยงาน โรงเรียนแก้งคร้อวิทยา อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2560
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพของชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนที่เรียนด้วยชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD 3) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD และ
4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนแก้งคร้อวิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 จำนวน 40 คน ที่ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยการจับสลาก โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) ชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือ
เทคนิค STAD 2) แผนการจัดการเรียนรู้ใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 14 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาประวัติศาสตร์สากล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ โดยมีค่าความยากง่าย (P) ตั้งแต่ 0.41 ถึง 0.67 ค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.22 ถึง 0.59 โดยมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทั้งฉบับเท่ากับ 0.89 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วย
ชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือ
เทคนิค STAD มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.41 ถึง 0.85 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.93 สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยโดยใช้ t-test แบบ Dependent Samples
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีค่าเท่ากับ 86.65/85.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80
ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ดัชนีประสิทธิผลจากการเรียนด้วยชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีค่าเท่ากับ 0.7017 แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.7017 หรือคิดเป็นร้อยละ 70.17
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์สากล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD โดยภาพรวมอยู่ในระดับ
มากที่สุด