หัวข้อวิทยานิพนธ์ การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ชื่อผู้วิจัย สุดสาคร อินทร์ทอง
วิชา ภาษาไทย
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังจากได้รับการจัดการเรียนรู้ 2) เพื่อศึกษาคะแนนพัฒนาการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังจากได้รับการจัดการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน 3) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังจากได้รับการจัดการเรียนรู้ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานและ 5)เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 50 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบสุ่มอย่างง่าย โดยวิธีการจับฉลาก(Simple Random Sampling) โดยใช้เวลาในการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน 12 คาบเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย คู่มือการจัดการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และแผนการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน แบบบันทึกภาคสนามและแบบสัมภาษณ์นักเรียน ซึ่งดำเนินการทดลองโดยวัดผลก่อนและหลังทดลอง (One group Pretest-Posttest Design) วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีชนิดกลุ่มตัวอย่างอย่างไม่เป็นอิสระต่อกัน (t-test dependent group) และหาค่าคะแนนพัฒนาการ
ผลการวิจัยพบว่า
1. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และพบว่าคะแนนการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน มีคะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานโดยภาพรวมอยู่ในระดับดี (x̄ = 25.42, S.D = 2.450) เมื่อพิจารณาการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณเป็นรายด้านมี 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การนำไปใช้ และการประเมินค่า เรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านการวิเคราะห์ ซึ่งมีค่าเฉลี่ย (x̄ = 10.19, S.D = 0.735) ด้านการสังเคราะห์ (x̄ = 5.06, S.D = 0.843) การนำไปใช้ (x̄ = 4.84, S.D = 0.766) และการประเมินค่า (x̄ = 4.61, S.D = 0.926)
2. พบว่านักเรียนที่ได้รับการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน มีคะแนนพัฒนาการของผลสัมฤทธิ์การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานหลังการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้ โดยมีคะแนนพัฒนาการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย ร้อยละ 66.56 และยังพบว่านักเรียนมีคะแนนพัฒนาการอยู่ในระดับสูงมาก คิดเป็นร้อยละ 18.00 นักเรียนพัฒนาการอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 54.00 และนักเรียนมีพัฒนาการระดับกลาง คิดเป็นร้อยละ 28.00 แสดงว่านักเรียนที่ได้รับการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานมีคะแนนพัฒนาการเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง
3. ระดับผลสัมฤทธิ์การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานอยู่ในระดับดีมาก พบว่า มีนักเรียนจำนวน 12 คน อยู่ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 28.00 มีนักเรียนจำนวน 20 คนอยู่ในระดับดีมาก คิดเป็นร้อยละ 40.00 นักเรียนจำนวน 9 คน อยู่ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 18.00 นักเรียนจำนวน 6 คน อยู่ในระดับค่อนข้างดี คิดเป็นร้อยละ 12.00 และมีนักเรียนจำนวน 1 คน อยู่ในระดับน่าพอใจ คิดเป็นร้อยละ 2.00 นักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานอยู่ในระดับดีขึ้นไป มีจำนวน 43 คน คิดเป็นร้อยละ 86.00
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน โดยภาพรวมมีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย X-bar = 4.33 S.D = 0.56
5. พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีความสนใจต่อการจัดการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน นักเรียนชอบกิจกรรมการระดมสมอง รู้จักวิเคราะห์และมีการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองภายใต้การทำงานเป็นทีม มีโอกาสคิดเป็นอย่างอิสระ กล้าแสดงออก และกล้าแสดงความคิดเห็นกันภายในกลุ่ม มีความกระตือรือร้น มีความรับผิดชอบ สามารถค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย และนำสิ่งที่ตนได้เรียนรู้มาถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจได้ มีความสนุกสนานเพลิดเพลินในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมในปัญหาที่นักเรียนต้องการรู้ด้วยตนเอง และร่วมทำกิจกรรมแต่ละขั้นตอนอย่างมีความสุข ดังนั้น นักเรียนมีพฤติกรรมหลังการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานในทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งและมีความสุขในการเรียน