ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E
ผู้รายงาน นางวราภรณ์ สุ่มมาตย์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
โรงเรียนหนองหัวคูปวงประชานุเคราะห์ ตำบลหนองหัวคู อำเภอบ้านผือ
จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20
ปีที่ศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E 4) ศึกษาการพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กับเกณฑ์การผ่านที่กำหนดร้อยละ 75 และเปรียบเทียบทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6ก่อนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการ
แก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E และ 5) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนหนองหัวคูปวงประชานุเคราะห์ ตำบลหนองหัวคู อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20 ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 25560 จำนวน 34 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้รายงานสร้างขึ้น จำนวน 7 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E ที่ผู้รายงานสร้างขึ้น จำนวน 7 แผน แผนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนจำนวน 2 แผน รวมทั้งสิ้น 9 แผน รวมเวลาทั้งหมด 20 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 4) แบบทดสอบวัดทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6ซึ่งเป็นแบบอัตนัย จำนวน 5 ข้อ และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มี 4 ด้าน คือ ลักษณะรูปเล่ม สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล จำนวน 16 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test Dependent Sample)
ผลการศึกษา พบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 3 เท่ากับ 78.75/78.59 ซึ่งสูงกว่า 75/75 ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E เท่ากับ 0.6483 แสดงว่าหลังการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.6483 หรือคิดเป็นร้อยละ 64.83
3. นักเรียนที่เรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่ากว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนที่เรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม ทั้งหมด 34 คน คิดเป็นร้อยละ 100 และนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล
หลังเรียนสูงกว่ากว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
5. นักเรียนที่เรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก