ชื่อเรื่อง การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
โรงเรียนบ้านห้วยไหล่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560
ผู้ศึกษา นายสันติภาพ วงษ์ศรีญา
ตำแหน่ง ครูชำนาญการ
โรงเรียน บ้านห้วยไหล่
ปีที่ศึกษา 2560
บทคัดย่อ
บทเรียนสำเร็จรูปเป็นสื่อเทคโนโลยีการศึกษาชนิดหนึ่งที่เอื้ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เรียน
เน้นความแตกต่างระหว่างบุคคลโดยเฉพาะเรื่องทักษะ ความสามารถ ความเข้าใจ แรงจูงใจ ความมีวินัยในตนเอง ความสามารถในการแก้ปัญหา ตามทฤษฎีการวางเงื่อนไขของสกินเนอร์ (Skinner) การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
ก่อนและหลังเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การเสริมสร้างสุขภาพและ
การป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้พัฒนาขึ้น
4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
เรื่อง การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเป้าหมายในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านห้วยไหล่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1 จำนวน 6 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย บทเรียนสำเร็จรูป หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
เรื่อง การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 10 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้บทเรียนสำเร็จรูป จำนวน 10 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.30 ถึง 0.87 มีค่าความยาก
ตั้งแต่ 0.25 ถึง 0.83 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.83 แบบวัดความพึงพอใจ
ของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เป็นแบบสอบถามมาตรส่วนประมาณค่า
(Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.67 ถึง 0.90
และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.93 สถิติที่ใช้ คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
การทดสอบสมมุติฐานใช้ t-test
ผลการศึกษาปรากฏดังนี้
1. บทเรียนสำเร็จรูปหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้ศึกษาได้สร้างขึ้น
มีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.82 / 85.76 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
2. บทเรียนสำเร็จรูปหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าดัชนีประสิทธิผลในการเรียนรู้เท่ากับ 0.75 หมายความว่า บทเรียนสำเร็จรูปทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นเท่ากับ 0.75 คิดเป็นร้อยละ 75
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ย
ของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา
และพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า
มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 1 ด้าน คือ ด้านเนื้อหา อยู่ในระดับมาก 3 ด้าน เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ด้านสื่อและอุปกรณ์การเรียน ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
และด้านการวัดผลประเมินผล ตามลำดับ
โดยสรุป บทเรียนสำเร็จรูป หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การเสริมสร้างสุขภาพสมรรถภาพและการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลต่อผู้เรียน สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุผลการเรียนรู้ที่คาดหวังและมีคุณลักษณะตามที่ต้องการได้เป็นอย่างดี