ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์
และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบ TAI
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นายพงศกร พันธุ์พาณิชย์
หน่วยงาน โรงเรียนร่องคำวิทยานุกูล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1การศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบ TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบ TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบ TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ศึกษา
ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ
เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบ TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนร่องคำวิทยานุกูล จำนวน
1 ห้องเรียน จำนวน 11 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 18 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้
มี 4 ชนิด ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ประกอบการจัดการเรียนรู้เรียนรู้แบบ TAI จำนวน 18 แผน
แผนละ 1 ชั่วโมง รวมเวลา 18 ชั่วโมง มีค่าความเหมาะสม เฉลี่ยเท่ากับ 4.77 อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด แบบฝึกทักษะ การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 6 เล่ม ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้แบบ TAI จำนาน 18 แผน มีค่าความเหมาะสม เฉลี่ยเท่ากับ 4.72 อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
เพื่อใช้วัดความรู้ความเข้าใจในการเรียนรู้ของนักเรียน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 20 ข้อ ผ่านการคัดเลือกตามเกณฑ์ ซึ่งมีค่าความเที่ยงตรงตั้งแต่ 0.60 ถึง 1.00 มีค่าความยากตั้งแต่ 0.48 ถึง 0.80 และค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.27 ถึง 0.70 และหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.97 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 10 ข้อ มีค่าความเหมาะสม เฉลี่ยเท่ากับ 4.76 อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
คือ ค่าสถิติพื้นฐาน ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับ
ที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบ TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 85.30/81.36 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับ
ที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบ TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.6435 ซึ่งแสดงว่า นักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้
แบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบ TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ความรู้เพิ่มขึ้น 0.6435 หรือคิดเป็นร้อยละ 64.35
3. นักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนนับ
ที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบ TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวก
และการลบจำนวนนับที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ประกอบการจัดการเรียนรู้แบบ TAI
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.71)