ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะทางสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื

ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะทางสังคม

กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำรงชีวิตในสังคม ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ด้วยการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมเรียนร่วมรู้ (Learning Together Technique)

ผู้วิจัย นายยงยุทธ ชัยทอง

ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ

สถานที่ทำงาน โรงเรียนเทศบาล ๑ (แตงอ่อนเผดิมวิทยา)

เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี

ปีที่วิจัย 2558

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาการเรียน การสอน สาระหน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำรงชีวิตในสังคมของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 2) ศึกษาผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะทางสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำรงชีวิตในสังคม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการจัดการเรียน การสอนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมเรียนร่วมรู้ (Learning Together Technical) 3) ศึกษา ผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะทางสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและ การดำรงชีวิตในสังคม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการจัดการเรียนการ แบบร่วมเรียนร่วมรู้ (Learning Together Technical) และ 4) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะทางสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและ การดำรงชีวิตในสังคม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมเรียนร่วมรู้ (Learning Together Technical) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนเทศบาล ๑ (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) เทศบาลนคร สุราษฎร์ธานี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 1 ห้องเรียน นักเรียนจำนวน 35 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 3 ประเภท 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคแบบร่วมเรียนร่วมรู้ (Learning Together Technique) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 6 จำนวน 10 แผน 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการวิจัย ได้แก่ แบบบันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสังเกตพฤติกรรมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูและนักเรียน แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบย่อย 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลการวิจัย ได้แก่ แบบทดสอบวัดทักษะ ทางสังคมแบบปรนัย จำนวน 27 ข้อ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัย จำนวน 30 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสรุปโดยใช้การบรรยายเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า

1) สภาพการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม ในระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษา 2557 การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ยังไม่หลากหลาย ยังไม่เอื้อต่อการพัฒนาผู้เรียน ส่งผลให้ผู้เรียนมีปัญหาที่สำคัญที่สุด คือ ผู้เรียน ไม่ทราบว่าเมื่อเรียนไปแล้วจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร และจากรายงานผลการทดสอบ ทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าระดับจังหวัด อีกทั้งยังมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดร้อยละ 70 และจากการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียน พบว่า มาตรฐานที่ 6 นักเรียนมีทักษะ ในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องอยู่ในระดับพอใช้

2) ผลการพัฒนารูปแบบการสอน พบว่า รูปแบบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะทางสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำรงชีวิตในสังคม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมเรียนร่วมรู้ (Learning Together Technical) ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นสอน ขั้นประเมินงานกลุ่มและขั้นสรุป และ มีคุณภาพอยู่ในระดับมาก ( = 3.94)

3) ทักษะทางสังคมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 6 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมเรียนร่วมรู้ (Learning Together Technique) นักเรียนร้อยละ 70.00 มีคะแนนทักษะทางสังคมในระดับดีขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ 72.87 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 6 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมเรียนร่วมรู้ (Learning Together Technique) นักเรียนร้อยละ 80.00 มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คิดเป็นร้อยละ 73.16 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้

4) ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมเรียนร่วมรู้ (Learning Together Technique) ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 6 เรื่องวัฒนธรรมและการดำรงชีวิตในสังคมในภาพรวม มีระดับดี เมื่อประเมินในรายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ ด้านการจัดการเรียนรู้ รองลงมาคือด้านสื่อการเรียนการสอน และด้านการวัดประเมินผล ตามลำดับ

โพสต์โดย อู๊ด : [16 เม.ย. 2561 เวลา 14:10 น.]
อ่าน [4261] ไอพี : 171.6.249.165
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 17,878 ครั้ง
อาหารยอดนิยมในอาเซียน (อินโดนีเซีย)
อาหารยอดนิยมในอาเซียน (อินโดนีเซีย)

เปิดอ่าน 11,161 ครั้ง
นอร์เวย์มอบรางวัลไทย ปท.น่าเที่ยวที่สุด6ปีซ้อน
นอร์เวย์มอบรางวัลไทย ปท.น่าเที่ยวที่สุด6ปีซ้อน

เปิดอ่าน 1,134 ครั้ง
ติดฟิล์มกระจกบ้าน วิธีลดอุณหภูมิและปกป้องบ้านจากแสงแดด
ติดฟิล์มกระจกบ้าน วิธีลดอุณหภูมิและปกป้องบ้านจากแสงแดด

เปิดอ่าน 31,565 ครั้ง
เทคนิคเพิ่มความเร็วในการอ่านภาษาอังกฤษ
เทคนิคเพิ่มความเร็วในการอ่านภาษาอังกฤษ

เปิดอ่าน 17,023 ครั้ง
ทายใจจากอักษรท้ายชื่อ
ทายใจจากอักษรท้ายชื่อ

เปิดอ่าน 36,550 ครั้ง
ข้าวหอมมะลิไทยได้แชมป์ข้าวโลก
ข้าวหอมมะลิไทยได้แชมป์ข้าวโลก

เปิดอ่าน 24,691 ครั้ง
การเล่นโทรศัพท์มือถือในขณะที่ฝนตกนั้น มีโอกาสเสี่ยงทำให้เกิดฟ้าผ่า ได้จริงหรือไม่?
การเล่นโทรศัพท์มือถือในขณะที่ฝนตกนั้น มีโอกาสเสี่ยงทำให้เกิดฟ้าผ่า ได้จริงหรือไม่?

เปิดอ่าน 13,480 ครั้ง
ใช้หมากรุกเป็นวิชา แก้ตกเลขซ้ำซาก
ใช้หมากรุกเป็นวิชา แก้ตกเลขซ้ำซาก

เปิดอ่าน 29,120 ครั้ง
"โมสาร์ท เอฟเฟกต์" เรื่องจริงหรือแค่อิงวิจัย
"โมสาร์ท เอฟเฟกต์" เรื่องจริงหรือแค่อิงวิจัย

เปิดอ่าน 13,609 ครั้ง
ฮวงจุ้ยช่วยปรับสมดุลสุขภาพ
ฮวงจุ้ยช่วยปรับสมดุลสุขภาพ

เปิดอ่าน 292,232 ครั้ง
มิตรแท้ ๔ มิตรเทียม ๔
มิตรแท้ ๔ มิตรเทียม ๔

เปิดอ่าน 41,168 ครั้ง
ไขคำตอบ "โรงเรียน ครู อยู่อย่างไรในยุค4.0?"
ไขคำตอบ "โรงเรียน ครู อยู่อย่างไรในยุค4.0?"

เปิดอ่าน 97,033 ครั้ง
แนวคิดการจัดการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์
แนวคิดการจัดการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์

เปิดอ่าน 10,521 ครั้ง
เกณฑ์คุณลักษณะคุรุภัณฑ์ ปีงบประมาณ 2557 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เกณฑ์คุณลักษณะคุรุภัณฑ์ ปีงบประมาณ 2557 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เปิดอ่าน 8,829 ครั้ง
กรมวิทย์ยัน ตรวจขวดน้ำพลาสติกทิ้งกลางแดดร้อน ไม่พบสารพิษไดออกซิน
กรมวิทย์ยัน ตรวจขวดน้ำพลาสติกทิ้งกลางแดดร้อน ไม่พบสารพิษไดออกซิน

เปิดอ่าน 15,542 ครั้ง
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อระบบการศึกษาไทยในแบบ "รองเท้าเบอร์เดียว"
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อระบบการศึกษาไทยในแบบ "รองเท้าเบอร์เดียว"
เปิดอ่าน 21,947 ครั้ง
รู้จักวิตามิน H
รู้จักวิตามิน H
เปิดอ่าน 16,446 ครั้ง
โอกาสไม่ถึง 50-50 จะได้เห็น ขั้วโลกเหนือปลอดน้ำแข็งหุ้ม
โอกาสไม่ถึง 50-50 จะได้เห็น ขั้วโลกเหนือปลอดน้ำแข็งหุ้ม
เปิดอ่าน 46,794 ครั้ง
ประวัติย่อของคณิตศาสตร์ : ยูคลิด (Euclid)
ประวัติย่อของคณิตศาสตร์ : ยูคลิด (Euclid)
เปิดอ่าน 10,257 ครั้ง
กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?
กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ