รายงานผลการพัฒนาบทเรียนโปรแกรมการ์ตูนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์มีในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนา และหาประสิทธิภาพของบทเรียนโปรแกรมการ์ตูนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียน และหลังเรียนจากการใช้บทเรียนโปรแกรมการ์ตูน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนบทเรียนโปรแกรมการ์ตูนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ประชากรที่ใช้ในการพัฒนา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดโพธิ์ราษฎร์ศรัทธาธรรม อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 - 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 22 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย (1) บทเรียนโปรแกรมการ์ตูน จำนวน 6 เล่ม 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และหลังเรียนจำนวน 30 ข้อ (3) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 40 แผน (4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนโปรแกรม การ์ตูน
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( )และค่าร้อยละ(%)
ผลจากการนำไปใช้พบว่า
1. บทเรียนโปรแกรมการ์ตูน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ 98.41/93.10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2. นักเรียนที่เรียนด้วย บทเรียนโปรแกรมการ์ตูนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนมีผลก้าวหน้าเพิ่มขึ้นกว่าก่อนเรียน
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อบทเรียนโปรแกรมการ์ตูนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับ มาก
จากผลสรุปดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า บทเรียนโปรแกรมการ์ตูนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดโพธิ์ราษฎร์ศรัทธาธรรม อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เป็นนวัตกรรม ทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ และมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้การสอนเสริมความรู้ การสอนซ่อมเสริม เพื่อแก้ปัญหานักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ให้สูงขึ้นต่อไป