บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
ชื่อเรื่อง การประเมินโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข
โรงเรียนบ้านกกจั่น สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบูรณ์ เขต 1
ผู้ประเมิน นายบรรดิษฐ์ ม่วงอ่อง
ปีการศึกษา 2560
การประเมินโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุขโรงเรียนบ้านกกจั่น สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบูรณ์ เขต 1 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุขโรงเรียนบ้านกกจั่น สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบูรณ์ เขต 1 ใน 4 ด้านคือ ด้านบริบท(Context Evaluation) ด้านปัจจัยนำเข้า(Input Evaluation) ด้านกระบวนการ(Process Evaluation) และด้านผลผลิต(Product Evaluation) โดยใช้รูปแบบ CIPP Model ให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน ประชากรที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้เป็นครูผู้ดำเนินโครงการ นักเรียน ผู้ปกครองนักเรียนและคณะกรรมการภาคีเครือข่ายของโรงเรียนบ้านกกจั่น สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบูรณ์ เขต 1 มีจำนวนทั้งสิ้น 85 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบปลายเปิด สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) และความถี่ (Frequency) ผลการประเมินพบว่า
1.ผลการประเมินด้านบริบท เกี่ยวกับความสอดคล้องและความเหมาะสม ของ หลักการ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และกิจกรรม ของโครงการ ภาพรวมมีความสอดคล้องและความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า โครงการมีหลักการการดำเนินการที่สอดคล้องกับ นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบูรณ์ เขต 1 อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงไปคือความร่วมมือของโรงเรียน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ปกครองและชุมชนมีความจำเป็นในการป้องกันนักเรียนให้ห่างไกลจากยาเสพติดและการสร้างภูมิคุ้มกันด้านยาเสพติดให้กับนักเรียนมีความสำคัญและความจำเป็นมากในสภาพสังคมปัจจุบัน ตามลำดับ
2. ผลการประเมินด้านปัจจัย เกี่ยวกับความสามารถ ความเพียงพอ ความเหมาะสม ต่อการดำเนินงานโครงการ ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ผลการประเมินอยู่ในระดับมากทั้ง 3 ด้านคือ ด้านงบประมาณและระยะเวลา ด้านบุคลากร และด้านสื่อและเครื่องมือตามลำดับสำหรับข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าโรงเรียนควรส่งครูเข้ารับการอบรมให้มีความรู้ความเข้าใจด้านจิตวิทยาและทักษะการให้คำปรึกษานักเรียนควรส่งเสริมบทบาทของเครือข่ายผู้ปกครองให้ร่วมดูแลช่วยเหลือนักเรียนเพิ่มมากขึ้น และโรงเรียนควรจัดประชุมกลุ่มนักเรียนแกนนำทุกเดือนเพื่อร่วมคิดหาแนวทางในการทำงาน
3. ผลการประเมินด้านกระบวนการ เกี่ยวกับความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตาม
มาตรการทั้ง 5 ด้านของโครงการ ภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายมาตรการ พบว่า ด้านมาตรการป้องกันรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงไปคือมาตรการค้นหา และมาตรการที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ มาตรการเฝ้าระวังตามลำดับ
สำหรับข้อเสนอแนะเพิ่มเติมผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าควรนำปัญหาของนักเรียนเข้าที่ประชุมประจำเดือนเพื่อร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริม พัฒนา แก้ปัญหานักเรียนรายกรณี การแก้ปัญหานักเรียนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงครูต้องร่วมมือกันกับผู้ปกครองและการสื่อสารกับผู้ปกครองมีความสำคัญมากที่จะสร้างความเข้าใจระหว่างบ้านกับโรงเรียน
4. ผลการประเมินด้านผลผลิตเกี่ยวกับความคิดเห็นของครูและนักเรียนต่อประสิทธิผลการปฏิบัติ
ตนของนักเรียนในคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียนในโครงการ ภาพรวมครูและนักเรียนมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากทั้ง 5 เรื่องเมื่อพิจารณาเป็นรายเรื่อง พบว่า การเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัวโรงเรียนชุมชนและสังคมอยู่ในระดับมาก รองลงไป คือ นักเรียนมีทักษะในการหลีกเลี่ยงป้องกันภัยอันตรายและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์และเรื่องที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ การจัดการกับอารมณ์และความเครียดของตนเองได้ตามลำดับ