|
|
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง งานและพลังงาน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยใช้รูปแบบซิปปา ผู้มีส่วนร่วมในการวิจัย ประกอบด้วย ผู้วิจัย ครูผู้ร่วมวิจัย จำนวน 2 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านแซววิทยาคม จังหวัดเชียงราย จำนวน 23 คน จำแนกเป็นชาย 8 คน และหญิง 15 คน
รูปแบบวิจัยดำเนินการตามหลักการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ซึ่งประกอบด้วย การวางแผนการปฏิบัติ การสังเกตการณ์ และการสะท้อนผลการปฏิบัติ ของเคมมิสและแมคทาคกาท การเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการดังนี้ 1) ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน 2) ดำเนินการสอนตามรูปแบบซิปปา 3 วงจร ได้นำการสะท้อนผลการปฏิบัติในแต่ละวงจร จากผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยมาใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ในวงจรถัดไป เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 3) ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน 4) วิเคราะห์ข้อมูล แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ตีความ สรุปและตรวจสอบความเที่ยงตรงแล้วรายงานผลในลักษณะบรรยาย ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละ
ผลการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ได้พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ประกอบด้วย 7 ขั้นตอนปฏิบัติ คือ 1)ขั้นทบทวนความรู้เดิม เพื่อให้นักเรียนมีความพร้อมในการเรียน ใช้วิธีการหลายๆวิธี เช่น การซักถาม อภิปราย การศึกษาแผนภาพที่เกี่ยวข้อง 2) ขั้นการแสวงหาความรู้ใหม่ให้ผู้เรียนเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยและหมุนเวียนกันรับผิดชอบหน้าที่ในกลุ่ม ครูต้องจัดเตรียมแหล่งเรียนรู้และสื่อการเรียนที่หลากหลายและอาจให้นักเรียนไปศึกษาก่อนเรียน 3) ขั้นการศึกษาทำความเข้าใจความรู้ใหม่และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม จะต้องฝึกนักเรียนให้ใช้ความคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ข้อมูลจากการเรียน แสดงความคิดเห็นรับฟังและยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นโดย ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายในกลุ่มและหาคำตอบจากบัตรคำถามและคู่มือการเรียนรู้ด้วยตนเองร่วมกัน 4) ขั้นการแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม ครูต้องให้การเสริมแรงและชักจูงให้นักเรียนร่วมกันซักถามและอภิปราย ครูอาจจำเป็นต้องให้ความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจยิ่งขึ้นในการนำไปใช้ 5) ขั้นการสรุปและจัดระเบียบความรู้ ครูใช้คำถามเพื่อให้นักเรียนอภิปราย สรุปและตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน 6) ขั้นการแสดงผลงาน นักเรียนแสดงผลงานจากการเรียนในแต่ละครั้งในลักษณะงานเดี่ยวและงานกลุ่ม เช่น ทำบัตรความรู้ เขียนเรียงความ คำขวัญ บทเรียนแผ่นเดียวและการ์ตูนวิทยาศาสตร์ เป็นต้น 7) ขั้นการประยุกต์ใช้ความรู้ ให้นักเรียนได้นำความรู้ความเข้าใจของตนไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆที่หลากหลาย เช่น การทำแบบฝึกหัด การทำโจทย์ปัญหาอื่นๆ ที่นักเรียนสนใจ การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้พลังงานอย่างประหยัดควรทำอย่างไร เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยใช้รูปแบบซิปปามีปัญหาและอุปสรรค คือ ในระยะแรกการดำเนินการสอนไม่ทันเวลา นักเรียนไม่เข้าใจบทบาทของตนเองและบทบาทในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในชั้นเรียน และนักเรียนบางส่วนไม่ให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน แต่เมื่อมีการปรับปรุงการสอนโดยครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาจากแหล่งความรู้ต่างๆ มาก่อนล่วงหน้าและชี้แจงให้นักเรียนเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของตนเองและบทบาทในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในกลุ่ม พร้อมทั้งกระตุ้นให้นักเรียนเห็นความสำคัญของตนเองที่มีต่อกลุ่มและให้ความร่วมมือในการเรียนการสอนในชั้นเรียนมากขึ้น นักเรียนจึงสนใจในการเรียนมากขึ้น มีความสนุกสนานและให้ความร่วมมือในการเรียน และนอกจากนี้ยังพบว่า นักเรียนได้คิด ปฏิบัติ และทำความเข้าใจด้วยตนเอง ได้ความรู้อย่างกว้างขวางจากการอภิปราย สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เมื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า จำนวนนักเรียนร้อยละ 86.96 ทำคะแนนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 และมีนักเรียนเพียงร้อยละ 13.04 ที่ทำคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 27.18 คะแนน จากคะแนนเต็ม 40 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 67.94 ของคะแนนเต็ม
เมื่อนำแบบทดสอบรายจุดประสงค์ เรื่อง งานและพลังงาน ในปีการศึกษา 2558 มาทดสอบกับนักเรียนที่เรียน เรื่อง งานและพลังงาน จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญแบบซิปปา ผลปรากฏว่า นักเรียนที่เรียนเรื่อง งานและพลังงาน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญแบบซิปปา สามารถทำแบบทดสอบผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 จำนวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 82.61 ของนักเรียนทั้งหมด 23 คน และมีคะแนนเฉลี่ย 14.36 คะแนน จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน ซึ่งนักเรียนกลุ่มนี้สามารถทำคะแนนและผ่านเกณฑ์มากกว่านักเรียนในปีการศึกษา 2558 ที่ทดสอบผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 เพียง 14 คน คิดเป็นร้อยละ 38.89 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด 36 คน และมีคะแนนเฉลี่ย 11.25 คะแนน จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน
|
โพสต์โดย นิวัติ ยอดมูลดี : [28 มี.ค. 2561 เวลา 19:48 น.] อ่าน [5364] ไอพี : 118.172.89.56
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 19,110 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,394 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,238 ครั้ง
| เปิดอ่าน 36,634 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,034 ครั้ง
| เปิดอ่าน 52,724 ครั้ง
| เปิดอ่าน 5,511 ครั้ง
| เปิดอ่าน 52,567 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,391 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,425 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,867 ครั้ง
| เปิดอ่าน 525 ครั้ง
| เปิดอ่าน 49,483 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,618 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,146 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 13,401 ครั้ง
| เปิดอ่าน 7,923 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,782 ครั้ง
| เปิดอ่าน 48,577 ครั้ง
| เปิดอ่าน 33,093 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|