ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
โรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์
ผู้วิจัย : สุชาติ บูรณ์เจริญ, โรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์ อำเภอเมืองสุรินทร์
จังหวัดสุรินทร์ ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหา และความต้องการในการรับการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์ 2) พัฒนารูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียน 3) ใช้รูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) ประเมินผลรูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยมีขั้นตอนในการดำเนินการวิจัย ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพปัญหา และความต้องการในการรับการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์ แหล่ง ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยในขั้นตอนนี้ ได้แก่ 1) รายงานการประชุมครูฝ่ายวิชาการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ 2) การสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการรับการนิเทศภายในสถานศึกษา จากครู จำนวน 38 คน และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ จำนวน 8 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือแบบสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการรับการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์ แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา และการบริหารการศึกษา จำนวน 5 คน นวัตกรรมแบะเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ 1) คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์ 2) แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ขั้นตอนที่ 3 การใช้รูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์ แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) ครูผู้สอน จำนวน 38 คน 2) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ผู้ปฏิบัติการนิเทศ จำนวน 8 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนของครู 2) แบบประเมินประสิทธิภาพของครูผู้นิเทศการสอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ขั้นตอนที่ 4 การประเมินผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัย หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 คน และครูปฏิบัติการสอน จำนวน 38 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
สรุปผลการวิจัย
1. ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ และมีปัญหาการติด 0.ร เกิดจากนักเรียนขาดความรับผิดชอบต่อการเรียน ปัญหาผู้ปกครองไม่มีเวลาในการกำกับ ติดตาม และดูแลนักเรียน โรงเรียนขาดระบบการนิเทศการเรียนการสอนของครูเพื่อพัฒนาครูที่เป็นระบบ ปัญหาที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมากที่สุด คือ ปัญหาด้านการจัดการเรียนรู้ ซึ่งครูมีความต้องการให้โรงเรียนจัดระบบการนิเทศการจัดการเรียนรู้ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น
2. ผลการสร้างรูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์ มีองค์ประกอบสำคัญ 5 ขั้นตอน คือ 1) การศึกษาสภาพปัญหา และความต้องการในการรับการนิเทศภายในสถานศึกษา 2) การวางแผนและกำหนดทางเลือกการนิเทศ 3) การสร้างสื่อ เครื่องมือและพัฒนาวิธีการนิเทศ 4) การปฏิบัติการนิเทศภายในสถานศึกษา และ 5) การประเมินผลและรายงานผล รูปแบบที่สร้างขึ้นผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่ามีความเหมาะสม ระดับมาก
3. ผลจากการใช้รูปแบบการนิเทศภายในสถานศึกษา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์ พบว่า ครูผู้สอนมีประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก ครูผู้นิเทศสามารถปฏิบัติการนิเทศ มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน ส่วนด้านความก้าวหน้าด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของครูผู้นิเทศ และครูผู้รับการนิเทศจากรูปแบบการนิเทศที่สร้างขึ้น พบว่า ครูมีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก