เรื่อง รายงานผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ
เพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีการสอนอ่าน
แบบ MIA
ผู้วิจัย นางสาวนิธิตา จำปาเงิน
สังกัด โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครเชียงราย
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่พิมพ์ 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
โดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ MIA ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนที่ใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ MIA ก่อนเรียนและหลังเรียน เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ MIA กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4.13 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครเชียงราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย จำนวน 41 คน ซึ่งได้มาจากวิธีสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ MIA มีประสิทธิภาพเท่ากับ E1/E2= 83.40/84.47 แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ 1 ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ MIA มีคะแนนเฉลี่ย ซึ่งมีคุณภาพในระดับ เหมาะสมมากที่สุด (x̄ = 4.65, S.D. = 0.43) และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ MIA มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) อยู่ระหว่าง 0.80 -1.00 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน
โดยใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ MIA ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
มีประสิทธิภาพเท่ากับ E1/E2= 83.40/84.47 โดยสูงกว่าเกณฑ์ค่าประสิทธิภาพที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียน กล่าวคือ
นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน (x̄ = 23.00, S.D. = 3.76) สูงกว่าก่อนเรียน (x̄ = 18.66, S.D. = 3.77) ค่า t เท่ากับ 13.06 แสดงว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ
เพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ MIA
มีความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.60, S.D. = 0.55)