ผู้ศึกษา นายสุนทร บุญถ่าน ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
โรงเรียน สามขาท่าหาดยาววิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27
ปีที่พิมพ์ พ.ศ. 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) หาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง
เลขยกกำลัง 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลัง การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มี
ต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสามขาท่าหาดยาววิทยา อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 1 ห้องเรียน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 36 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยของการสุ่มเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI จำนวน 7 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกกำลัง ซึ่งเป็นแบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือกจำนวน 20 ข้อโดยมีค่าความยากตั้งแต่ 0.40 ถึง 0.70 และค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.50 ถึง 0.91 และมีค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.96 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น 3) แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง จำนวน 7 เล่ม ซึ่งมีผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพ ในครั้งนี้ เท่ากับ 81.61/80.33 และ 4) แบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง เป็นแบบวัดที่ใช้มาตราการประมาณค่า (Rating scale) ชนิด 5 ตัวเลือกจำนวน 12 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.64 ถึง 0.89 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.95 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t test (Dependent Sample)
ผลการศึกษาพบว่า 1) การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.45/80.69 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 75/75 2) การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง มีค่าดัชนีประสิทธิผลมีค่าเท่ากับ 0.7327 แสดงว่าการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้นทำให้นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียน โดยมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น 0.7327 หรือคิดเป็นร้อยละ 73.27 3) นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 4) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้นโดยภาพรวมความพึงพอใจทุกด้านอยู่ในระดับมาก คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.31 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.62
โดยสรุป การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทำให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากเรียน รวมทั้งผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก จึงเหมาะที่ครูผู้สอน ผู้บริหารโรงเรียน ศึกษานิเทศก์ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะนำไปใช้ในการสอนและประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาเพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพต่อไป