ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีต่อ

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ชื่อผู้วิจัย นางนันทน์ชญาน์ ทิพยดลคำวอน

ปีที่ศึกษา 2559

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหา ข้อมูลพื้นฐาน และความต้องการต่อการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนเทศบาล 3 ระบบสาธิตเทศบาลเมืองลพบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวนนักเรียน 40 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การใส่ใจสุขภาพ 4) แบบสัมภาษณ์ครู สภาพปัญหาและความต้องการต่อการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ 5) แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานและความต้องการต่อการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ 6) แบบประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ 7) แบบประเมินความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ 8) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 9) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางเรียน 10) แบบทดสอบวัดการคิดวิเคราะห์ 11) แบบประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้าน ได้แก่ ปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต เวลาที่ใช้ในการดำเนินการทดลอง 18 ชั่วโมง แบบแผนการทดลองเป็นแบบ One-Group Pretest-Posttest Design และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า E1/E2 และการทดสอบที (t-test dependent samples)

ผลการศึกษาพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ครูผู้สอนต้องการให้พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ เพื่อสามารถใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญที่มุ่งพัฒนาให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงและได้รู้จักการคิดวิเคราะห์ กล้าตัดสินใจ แก้ปัญหา โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4.35–4.75 และนักเรียนต้องการให้มีจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้นักเรียนกล้าแสดงออก การคิดวิเคราะห์ กล้าตัดสินใจด้วยตนเอง และการทำงานเป็นกลุ่มเพื่อช่วยกันคิด โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.40 – 4.67

2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาที่มีต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปรากฏผลดังนี้ ได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่มีชื่อว่า “PIMPA Model” โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้ 1) ทฤษฎี/หลักการ/ แนวคิดของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ของรูปแบบ มี 5 ขั้นตอน คือ 3.1) ขั้นเตรียมการ (Preparation) 3.2) ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Interaction) 3.3) ขั้นปัญญาความคิด (Mentality Intelligence) 3.4) ขั้นปฏิบัติการ (Process Learning) 3.5) ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ (Application) 4) ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนจากการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ มีคุณภาพเหมาะสมตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด ( = 4.81, S.D = 0.36) และแผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด ( = 4.78, S.D = 0.41) ผลการพัฒนารูปแบบการจัด การเรียนรู้ก่อนนำไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง พบว่า การหาประสิทธิภาพรายบุคคล 63.47/62.86 การหาประสิทธิภาพกลุ่มย่อย 76.85/75.36 และการหาประสิทธิภาพภาคสนาม 82.66/81.52

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า 1) ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่ากับ 85.41/84.61 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ 2) ผลการเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนของกลุ่มตัวอย่างภายหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 3) ผลการเปรียบเทียบคะแนนคิดวิเคราะห์ก่อนและหลังเรียนของกลุ่มตัวอย่างภายหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. ผลการประเมินการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้ดำเนินการประเมินทั้ง 3 ด้าน พบว่า 1) ด้านปัจจัยนำเข้า (Input) ผู้บริหาร หัวหน้างานวิชาการและครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา จำนวน 8 คน มีความเห็นว่าด้านปัจจัยนำเข้ารูปแบบการจัดการเรียนรู้ในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.60, S.D = 0.49) 2) ด้านกระบวนการ (Process) ผู้บริหาร หัวหน้างานวิชาการ และครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีความเห็นว่าด้านกระบวนการรูปแบบการจัดการเรียนรู้ในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.70, S.D = 0.46) และ 3) ด้านผลลัพธ์ (Output) ในภาพรวมพบว่า นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาในระดับมาก ( = 4.46, S.D = 0.51)

โพสต์โดย จั๊กจั่น : [15 มี.ค. 2561 เวลา 16:20 น.]
อ่าน [5219] ไอพี : 125.26.212.138
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,344 ครั้ง
6 เคล็ดลับเก็บเงินปี 2009
6 เคล็ดลับเก็บเงินปี 2009

เปิดอ่าน 41,509 ครั้ง
จิตรกรรมไทย
จิตรกรรมไทย

เปิดอ่าน 78,623 ครั้ง
รู้ยังหมากัดคน บางกรณีฟ้องเจ้าของหมาไม่ได้นะ
รู้ยังหมากัดคน บางกรณีฟ้องเจ้าของหมาไม่ได้นะ

เปิดอ่าน 26,738 ครั้ง
ISO นั้นสำคัญไฉน
ISO นั้นสำคัญไฉน

เปิดอ่าน 13,876 ครั้ง
ภัยลิปสติกเจล เสี่ยงมะเร็ง!
ภัยลิปสติกเจล เสี่ยงมะเร็ง!

เปิดอ่าน 11,213 ครั้ง
มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก

เปิดอ่าน 20,673 ครั้ง
การระบายสีจุดของกราฟ
การระบายสีจุดของกราฟ

เปิดอ่าน 15,807 ครั้ง
อยากเปรี้ยวอย่างมีคุณค่า ต้องถามหา "จุลินทรีย์"
อยากเปรี้ยวอย่างมีคุณค่า ต้องถามหา "จุลินทรีย์"

เปิดอ่าน 3,127 ครั้ง
"ส้นเท้าแตก" เกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร
"ส้นเท้าแตก" เกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร

เปิดอ่าน 27,870 ครั้ง
แลหลัง ผ่าปมข้อสอบคัดเลือก ผอ.-รอง ผอ.เกิดความผิดพลาด
แลหลัง ผ่าปมข้อสอบคัดเลือก ผอ.-รอง ผอ.เกิดความผิดพลาด

เปิดอ่าน 1,421 ครั้ง
การใช้ AI ในการแก้โจทย์ PISA เครื่องมือ ChatGPT ผู้ช่วยสำหรับครู
การใช้ AI ในการแก้โจทย์ PISA เครื่องมือ ChatGPT ผู้ช่วยสำหรับครู

เปิดอ่าน 11,350 ครั้ง
แก้ปวดหัวด้วยน้ำ
แก้ปวดหัวด้วยน้ำ

เปิดอ่าน 8,975 ครั้ง
ระวัง! ใช้ Wi-Fi ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ เสี่ยงโดนแฮ็ค
ระวัง! ใช้ Wi-Fi ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ เสี่ยงโดนแฮ็ค

เปิดอ่าน 13,096 ครั้ง
กว่าจะเป็น เวียงจันทน์เกมส์
กว่าจะเป็น เวียงจันทน์เกมส์

เปิดอ่าน 36,175 ครั้ง
กำจัด "กลิ่นปาก" ให้สิ้นซาก
กำจัด "กลิ่นปาก" ให้สิ้นซาก

เปิดอ่าน 18,463 ครั้ง
ปลูกว่านเสริมชะตา
ปลูกว่านเสริมชะตา
เปิดอ่าน 263,319 ครั้ง
การประดิษฐ์ของใช้และของตกแต่ง
การประดิษฐ์ของใช้และของตกแต่ง
เปิดอ่าน 15,326 ครั้ง
เทคนิคการแต่งหน้าเสริมจุดเด่น-กลบจุดด้อย ให้เข้ากับรูปหน้า
เทคนิคการแต่งหน้าเสริมจุดเด่น-กลบจุดด้อย ให้เข้ากับรูปหน้า
เปิดอ่าน 22,802 ครั้ง
ขนบธรรมเนียม ประเพณีของชาวสยาม
ขนบธรรมเนียม ประเพณีของชาวสยาม
เปิดอ่าน 8,714 ครั้ง
How To ทำวิทยฐานะแบบใหม่
How To ทำวิทยฐานะแบบใหม่

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ